E-book สวรรค์รำลึก

รำลึกศึกษา

ศึกษาประวัติของหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต

ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก

เยี่ยมชมเรา

สื่อมงคลสำนักปู่สวรรค์

สิ่งดีที่ฝากไว้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ความรู้ทางวิญญาณ จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพยนต์รำลึก

ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์และสื่อเพื่อการศึกษาค้นคว้า

อร่อยกับโปรตีนเกษตร สูตรเด็ด..เคล็ดไม่ลับ..จากร้าน เจเจ

อร่อยกับโปรตีนเกษตร สูตรเด็ด..เคล็ดไม่ลับ..จากร้าน เจเจ

โดย สุพัตรา เส็งสืบผล ร้านอาหารเจเจ อาคารอริยสัจสี่

ร้านอาหารเจเจ อาคารอริยสัจสี่

                จากประสบการณ์ทำอาหารมังสวิรัติ เริ่มแรกด้วยความยากลำบากใจว่าจะทำอาหารอะไร ทำอย่างไร จนถึงวันนี้ก็เรียกว่าแค่ “พอทำได้” เพราะรู้สึกว่าการทำอาหารนั้นเป็นทั้ง ศาสตร์และศิลป์ มีการเรียนรู้อย่างไม่จบสิ้น

                ที่ร้านเจเจ ณ อาคารอริยสัจสี่ ได้จำหน่ายอาหาร และเลี้ยงอาหารแก่ผู้มาร่วมกิจกรรม ณ สถานที่แห่งนี้มานาน ได้สังเกตว่าคนที่มากินอาหารมังสวิรัติกลุ่มหนึ่งมักจะไม่ชอบอาหารที่ทำด้วยโปรตีนเกษตร เพราะโปรตีนเกษตรนั้น จะมีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่เป็นที่นิยมของคนกลุ่มนี้ ซึ่งปัญหาทุกอย่าง..สามารถแก้ไขได้ กระทั่งทำให้โปรตีนเกษตรที่น่าเบื่อ กลับกลายมาเป็นอาหารยอดฮิตติดอันดับความนิยมลำดับต้นๆ..ดูได้จากแต่ละจานจะหมดอย่างรวดเร็ว สำหรับคนกลุ่มที่ชอบกินโปรตีนเกษตรอยู่แล้วนั้น กลับยิ่งชอบมาก.. เรียกว่ามีเท่าไหร่ไม่พอ (ขอกระซิบว่า..แม้แต่สุนัขก็ยังถูกหลอกให้กินจนพุงกางมาแล้ว)

ชื่อ “หมู” ที่ไม่ใช่หมู(จริง)

                การที่ยังใช้ชื่ออาหารนำว่าหน้าว่า “หมู” หรือ “ไก่” ฯลฯ เช่นคอหมูย่าง หมูทอดกระเทียม/พริกไทย หมูสวรรค์ หมูชุบเกล็ดขนมปังทอด หมูสะเต๊ะ ขาหมู ลาบหมูน้ำตก มิใช่เพราะว่ายังมีใจที่ติด คิดอยากจะกิน เลยต้องตั้งชื่อให้เหมือนกับเนื้อสัตว์ แต่เพราะว่าอาหารเหล่านั้นมีชื่อเป็นที่รู้จักคุ้นเคย เรียกปุ๊บก็รู้ปั๊บ และนึกภาพออกทันทีว่าลักษณะอย่างไร

                เคล็ดไม่ลับในการทำอาหารจากโปรตีนเกษตร นั่นหมายถึงการนำโปรตีนมาหมักให้ได้รสชาติอย่างที่ต้องการ จากนั้นจึงนำไปทำอาหารตามชื่อที่เอ่ยถึงมานั้นในหลายรูปแบบ

                เริ่มต้นด้วยการนำโปรตีนแผ่นใหญ่ ๑ ก.ก. แช่น้ำให้นิ่ม แล้วบีบน้ำออก นำใส่หม้อเติมน้ำท่วมพอดี ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงตามสัดส่วนของโปรตีนเกษตร ๑ ก.ก. ดังนี้คือ

-ซอสปรุงรสาเขียว(ภูเขาทอง)     ๑     ถ้วย

-น้ำตาลปี๊ป(แบบฝาขนมครก)     ๕     ฝา

-พริกไทย                                     ๔     ช้อนชา

-ลูกผักชี/ยี่หร่า (เพิ่มความหอม ไม่ใส่ก็ได้)

-ซอสเห็ดหอม                         ๑     ถ้วย

                ใส่น้ำพอท่วม ตั้งไฟพอเดือดเคี่ยวไปเรื่อยๆจนแห้ง(อย่าให้ติดก้นหม้อ) คราวนี้ก็จะได้โปรตีนสูตรพิเศษที่พร้อมเอาไปปรุงเป็นอาหารชนิดต่างๆ ได้ทันที เช่น

หมูทอด

                นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัด ไฟกลางจะไม่อมน้ำมัน ทออดให้เหลืองสวย หากไม่ชอบน้ำมัน ก็นำไปนาบกับกระทะที่ทาน้ำมันน้อยๆ ไม่ให้ติดกระทะ แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ เพิ่มความอร่อยให้อาหารจานนี้ด้วยน้ำจิ้ม… ตำพริกขี้หนู(แล้วแต่ชอบ)..ผสมซอสปรุงรสฝาเขียวและน้ำส้ม อัตราส่วน ๑:๑ น้ำตาลทรายเล็กน้อยหยอดซอสเห็ดหอม ชิมให้ได้รสชาติที่ต้องการหากชอบเปรี้ยวก็บีบมะนาวเพิ่ม โรยหน้าด้วยผักชีซอย และงาขาวคั่ว       ทั้งกินเล่นหรือกินกับข้าวสวยร้อนๆอร่อยจนลืมของจริงไปเลย

หมูสวรรค์

                มาทำหมูสวรรค์สูตรเจอีกสักสูตรหนึ่ง นำโปรตีนที่หมักไว้ทอดให้เหลืองสวย ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นชิ้นพอคำ (อย่าลืม ว่าถ้าไม่ชอบน้ามันจะใช้แบบย่างหรือนาบกับประทะก็ได้)

                ทำน้ำปรุงรส ปรุงน้ำตาลทรายกับน้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว ให้รสหวายนำเค็มเล็กน้อย ไม่ต้องเติมน้ำ เหยาะพริกไทย ตามด้วยลูกผักชีที่บุบแตกๆ ไม่ต้องละเอียดยิบ คนให้เข้ากันพอเดือดเป็นฟอง อย่าเคี่ยวนาน (ถ้าเคี่ยวนานน้ำปรุงรสจะเหนียวเกินไป) รีบเอาหมูที่หั่นไว้แล้วลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยด้วยลูกผักชีเพื่อเพิ่มความหอม และงาขาวคั่วเล็กน้อย

                กินกับข้าวสวยร้อนๆอร่อยจนลืมกินเนื้อสัตว์ อาหารจานนี้เด็กๆจะชอบกินมากเพราะมีรสชาติที่คล้ายกับเนื้อสวรรค์อะไรทำนองนั้น…อร่อย

ลาบหมูน้ำตก

                อีกสูตรหนึ่งที่ทำออกมาขายครั้งใด ไม่พอขายสักครั้งเดียว ไม่เชื่อต้องลอง ไม่พ้นการนำโปรตีนมาทอดอย่าให้แห้งเกินไป จะทำให้ลาบไม่อร่อยเท่าที่ควร เสร็จแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตามต้องการ พักไว้

                ปรุงน้ำลาบแบบที่เคยคือ ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว พริกป่น เติมน้ำตาลทรายเล็กน้อย ชิมรสให้ถูกปาก อาจเพิ่มเครื่องปรุงรส เช่นซอสเห็ดหอม ผงซุปผัก แล้วนำโปรตีนทอดที่หั่นแล้วไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมน้ำซุป(น้ำต้มเห็ด) ให้มีน้ำขลุกขลิกน่ากิน และข้าวคั่ว ผักโรยหน้าที่ใช้คือ ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ต้นหอมซอย แนมด้วยผักที่ชอบ

ร้านเจเจ

                นอกจากนี้ยังมีโปรตีนจานเด็ดอีกหลายจานที่สามารถเอาโปรตีนที่หมักเรียบร้อยแล้วนี้ไปทำได้ทันที เช่น หมูสะเต๊ะ เมี่ยงหมูทอด ใส่ในข้าวผัด หมูหวานที่กินกับข้าวคลุกกะปิ หรือ ไก่ JFC แทน ไก่ KFC ซึ่งร้านเจเจของเรานี้มีน้ำจิ้มสูตรอร่อยเพื่อความสะอาดและปลอดภัยจากสารกันบูด ไม่ใส่ผงชูรส สำหรับคนกินมังสวิรัติและกินเจทุกคน

                ขอย้ำว่านี่เป็นเพียงแค่ “พอทำได้” เท่านั้น เพราะอาหารมีมากมายหลายอย่างที่ยังไม่เคยทำ หรือทำไม่เป็น เพราะศาสตร์และศิลป์ในการทำอาหารโดยเฉพาะอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ต้องทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ จึงจะสำเร็จผล

                มาถึงบรรทัดนี้ หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เผื่อเอาไว้ทำกินเอง หากขัดข้องหรือสงสัยประการใด ติดต่อสอบถามได้ที่ร้านเจเจ อาคารอริยสัจสี่ (เปิดทุกวัน เว้นวันจันทร์) ซึ่งในวันธรรมดา มีอาหารจำหน่ายพอประมาณ จะเน้นจำหน่ายในวันพระ ทุกวันอาทิตย์ ทุกวันที่๑๙

                สำหรับวันสำคัญทางศาสนาและในเทศกาลต่างๆนั้น มีบริการอาหารจัดเลี้ยงฟรีแด่ผู้มาร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ด้วยความเอื้อเฟื้อของทุกท่านที่ซื้ออาหารมังสวิรัติ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการจัดเลี้ยงตลอดปี ขอขอบพระคุณท่านเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารทุกท่านไว้ ณ ที่นี้

ที่มา : บทความเรื่อง “อร่อยกับโปรตีนเกษตร สูตรเด็ด..เคล็ดไม่ลับ..จากร้าน เจเจ” โดยสุพัตรา เส็งสืบผล

ลงใน อนุสรณ์การประชุมใหญ่ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๕๐ ของชมรมอาหารมังสวิรัติแห่งประเทศไทยฯ

บทความสวรรค์รำลึก www.poosawan.org

กินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี

บทความสวรรค์รำลึก มังสวิรัติ     เรื่อง : กินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี

เก็บความจากหนังสือคู่มือกินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี

นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เขียน

อาจารย์เกหลง พานิช เก็บความ

นพ.บรรจบ

ภาพจาก www.sarakadee.com

๑.โทษภัยของการกินเนื้อสัตว์ล้นเกิน

คนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าเนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนวิเศษสุด เห็นว่าต้องกินตลอดชีวิต คนอีกจำนวนหนึ่งกินมังสวิรัติ แต่เกรงจะขาดสารอาหารจึงกินนมกินไข่ สถาบันมังสวิรัติหลายสถาบันเสนอเกี่ยวกับการดื่มนม และเห็นว่าการดื่มนมสัตว์ก็คือดื่มเลือดจากอกของสัตว์

สถาบันใหญ่ของโลกชื่อคลินิกเบอร์เซอร์-เบนเนอร์ ตั้งอยู่ในซูริค สวิตเซอร์แลนด์บำบัดโรคของคนไข้ด้วยอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เลยผู้อำนวยการสถาบันรูทคุนซ์ เบอร์เชอร์ กล่าวว่า “โปรตีนจากพืชผักมีคุณค่าต่อสุขภาพยิ่งกว่าโปรตีนจากสัตว์เป็นไหนๆ”

คนที่เชื่อในความดีของเนื้อสัตว์ และกินเนื้อสัตว์อย่างเต็มที่ เกิดภาวการณ์กินล้นเกินและการกินผิดส่วน เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เนื้อแดงของสัตว์หลายชนิดมีไขมันแทรกอยู่มากทำให้อ้วน ไขมันเลือดสูง ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ อาจมีไขมันอุดตัน เส้นเลือดสมอง เกิดโรคอัมพาตได้

เรากินอะไรเข้าไป ร่างกายเอาไปใช้เพียงส่วนหนึ่ง มีส่วนที่ดูดซึมไม่หมดโปรตีนส่วนที่ถูกย่อยแล้ว ก็จะเป็นอาหารของแบคทีเรียในลำไส้ เกิดการบูดเน่าอันทำให้เกิดสารพิษมากมาย ตลอดลำไส้เล็กที่ยาว ๒๐ ฟุต เมื่อถึงลำไส้ใหญ่ซึ่งดูดซึมน้ำกลับเข้าร่างกายก็จะพาเอาพิษเหล่านั้นเข้าตัวไปด้วย เกิดเป็นสารพิษแหล่งใหญ่ที่มากับโรคมากมาย เช่นภูมิแพ้ หอบหืด ตลอดจนโรคมะเร็ง ธรรมชาติบำบัดจึงเน้นย้ำกับผู้คนเสมอว่าคุณต้องล้างพิษ

การกินเนื้อสัตว์ล้นเกินยังเป็นเหตุของโรคกระดูกผุ ด้วยเหตุที่โปรตีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สะสมไว้ ถ้ามากไปก็จะเก็บสะสมเป็นไขมัน และแยกเอาอนุมูลของเอมีนให้ขับออกทางปัสสาวะ ในสภาพของแอมโมเนีย การขับเอมีนนี้ร่างกายจะสูญเสียแคลเซี่ยมด้วย และฟอสฟอรัสที่สูงจะเร่งให้ต่อมพาราไทรอยด์ขับโฮโมนซึ่งมีหน้าที่ละลายแคลเซี่ยมจากกระดูกมาสมดุลกับฟอสฟอรัสในเลือด จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคกระดูกบาง

ฉะนั้นการกินเนื้อมากจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคกระดูกผุตั้งแต่อายุยังไม่มาก และยังเป็นสาเหตุให้เกิดสารยูริกขึ้นมากเมื่อถึงจุดอิ่มตัวจะจับตัวเป็นผลึกอันแหลมคมและละเอียด คอยทิ่มแทงกล้ามเนื้อพังผืดตลอดจนเยื่อหุ้มประสาทเกิดโรครูมาติสม์โรคปลายประสาทอักเสบ และโรคเส้นประสาทขา เป็นต้น

ภาวะไตเสื่อม พบมากในคนที่กินเนื้อสัตว์มาก การกินเนื้อสัตว์มากเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆประมาณ ๑๒ โรค ตั้งแต่โรคอ้วนถึงโรคมะเร็ง การกินมังสวิรัติให้ถูกวิธีจึงเป็นการป้องกันและรักษาโรคเหล่านั้น

๒.หลักปรัชญาและเหตุผลของการกินเจและการกินมังสวิรัติ

          การกินเจและกินมังสวิรัตินั้นเป็นหนทางสุขภาพที่มีผู้ปฏิบัติมากที่สุด หลักการกินเจเผยแพร่ควบคู่ไปกับการถือศาสนาพุทธในนิกายมหายานให้ผู้คนละเว้นการฆ่าสัตว์

            บางคนก็กินเจ กินมังสวิรัติเป็นประจำ บางคนก็เน้นบางมื้อบางคราว การกินมังสวิรัติโลกมีที่มา ๒ ทาง ทางหนึ่งมาจากตะวันออก คืออินเดีย ในหมู่ผู้ปฏิบัติโยคะกับผู้ถือศาสนาฮินดูส่วนหนึ่ง อีกกระแสหนึ่งมาจากตะวันตก จากเซเว่นเดย์ แอดเวนติสต์ และมอร์มอน ยังมีชาวไทยพุทธผู้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดมักจะกินมังสวิรัติด้วย

            ในคัมภีร์ “คำอุโฆษแห่งสันติภาพ” อันเป็นบันทึกพระดำรัสของพระเยซูมีว่า “ มังสะ (เนื้อ) แห่งสัตว์ที่วายชีพอย่างทุกข์ทนจะกลายเป็นหลุมศพแห่งเขาผู้บริโภคมังสะนั้น จงเชื่อฟังสัจจะที่ข้าจะสอน สั่ง ใครลงมือสังหาร (ผู้นั้น)กำลังสังหารตัวของเขาเองใครกลืนกินมังสะของสัตว์ที่ตายอย่างทุกข์ทนกำลังกลืนกินความตายเข้าสู่ร่างของตน”

            ผู้กินมังสวิรัติที่มาจากอินเดียยังเสนอว่าแท้จริงพระพุทธเจ้าก็เสวยมังสวิรัติเช่นกันเพราะประเพณีชาวเนปาลบริเวณที่เป็นถิ่นฐานของศากยวงศ์จะไม่กินเนื้ออยู่แล้วเป็นปกติ

เหตุผลทางสรีรวิทยา

          นักวิทยาศาสตร์ฝ่ายมังสวิรัติบอกว่าสัตว์ในโลกนี้แบ่งเป็น ๓ ชนิด ใหญ่ๆคือ

๑.สัตว์กินเนื้อ เช่นสิงโต เสือ สัตว์ เหล่านี้มีทางเดินอาหารสั้นมาก เนื้อสัตว์เน่าเปื่อยเร็วมาก สารจากการเน่าเปื่อยของเนื้อจะกลายเป็นสารพิษ ดังนั้นทางเดินอาหารของสัตว์กินเนื้อจึงวิวัฒนาการมาให้สั้น ดูดซึมเฉพาะธาตุอาหาร แล้วถ่ายกากทิ้งโดยเร็วไม่ทันดูดซึมสารเสียจากการเน่าเปื่อย สัตว์กินเนื้อมีเขี้ยวที่คม มีขากรรไกรที่แข็งแรง มีกรงเล็บอันคมกริบ เหล่านี้ออกแบบมาสำหรับล่าเหยื่อ

๒.สัตว์กินหญ้าและใบไม้ ได้แก่ช้าง ม้า วัว ควาย มันต้องกินวันละมากๆ เพื่อเก็บทุกอณูไปใช้แก่ร่างกาย จึงมีทางเดินอาหารยาวถึง ๑๐ เท่าของลำตัว

๓.สัตว์กินผลไม้และธัญพืช กลุ่มนี้คือวานร คนน่าจะอยู่ในประเภทเดียวกันกับวานร คือกินผลไม้และธัญพืช

ประเทศที่กินเนื้อสัตว์มากจะมีอัตราเจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจ หลอดเลือดและโรคมะเร็งมากกว่าประเทศที่บริโภคพืชผักเป็นหลัก มังสวิรัติถือว่า สัตว์ในขณะที่จะถูกฆ่าจะเกิดสารพิษขึ้นชนิดหนึ่งไปทั่วร่างกาย ผู้บริโภคเนื้อสัตว์นั้นก็รับเอาสารพิษนั้นเข้าสู่ร่างกาย ถ้ามีสารนี้มากจะบั่นทอนอวัยวะต่างๆให้เสื่อมเร็ว

๓.โทษภัยของการกินเจ กินมังสวิรัติไม่ถูกวิธี

อาหารเจพัฒนาใหม่

  • พยายามลอกเลียนแบบอาหารเนื้อสัตว์ ทั้งรูปร่าง และรสชาติ
  • ใช้โปรตีนจากถั่วเหลืองเป็นหลัก
  • ใส่สี กลิ่น สารทำให้กรอบ สารกันบูด

ผู้บริโภคจึงเสี่ยงเพิ่มขึ้นทั้งรับปริมาณโปรตีนล้นเกิน (แม้จะเป็นโปรตีนของพืชก็ตาม) ทำให้เสียสมดุลของร่างกายและขาดวิตามิน คนกินเจประเภทนี้จะอ้วนขึ้นไขมันในเลือดสูงขึ้น เบาหวานรุนแรงขึ้นความดันเลือดและโรคหัวใจก็กำเริบขึ้น

ผลกระทบของการกินอาหารมังสวิรัติผิดวิธี

          หนึ่งคือการปรุงอาหารสุกทั้งหมดทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร อีกลักษณะหนึ่งคือกินอาหารไม่ได้ส่วนมาก กินแต่ข้าวขาวไม่กินข้าวกล้อง กินกับข้าวมันๆ ไม่ได้กินธัญพืชประเภทต่างๆให้พอ ทั้งไม่กินผักสดและผลไม้ เพียงพอทำให้เกิดภาวะพร่องกรดอะมิโนจำเป็น

            ภาวะพร่องวิตามินและธาตุเหล็กภาวะไขมันล้นเกินเป็นต้น การกินเจผิดวิธีในระยะยาวทำให้อ้วน ไขมันในเลือดสูง เบาหวานเกิดภาวะเลือดจาง และภูมิต้านทานต่ำ

พลังสดและปริมาณโปรตีนแคลอรี่ที่เหมาะสม

            ในปี ค.ศ.๑๙๕๐ นายแพทย์ชาโนเร คูราชูเน หัวหน้าภาควิชาอยุรศาสตร์มหาวิทยาลัยคิวชู ประเทศญี่ปุ่น มีความสงสัยขึ้นมาว่า อาหารที่เชลยศึกในสงครามญี่ปุ่นกินเพียงพอกับความต้องการของร่างกายหรือไม่ จึงได้ทดลองตัวเองกับภรรยา

            อาหารนั้นคือข้าวกล้อง ผักสดปริมาณมาก ผลไม้บ้าง ส่วนใหญ่เป็นสารอาหารสดทดลองอยู่ ๓ ช่วงคือ ในฤดูหนาว ๑๒๐ วัน ฤดูร้อน ๓๒ วัน และฤดูใบไม้ผลิอีก ๘๑ วัน ระหว่างนั้นภรรยาของเขายังให้นมลูกทั้งสองคน ยังทำงานตามปกติ ปรากฏว่าทั้งสองยังคงมีสุขภาพดีเหมือนปกติทุกประการ การให้นมลูกไม่ยุ่งยากเท่าเมื่อก่อนเข้าทดลองด้วยซ้ำ

            จากนั้นทั้งสองคนเปลี่ยนมากินอาหารในปริมาณเดิม แต่คราวนี้ทำทุกอย่างให้สุก ไม่ช้าก็พบว่า อาการต่างๆที่ปรากฏแก่เชลยศึกก็มีขึ้นแก่เขา คืออาการบวมอาการของภาวะขาดไวตามิน และหมดแรงเป็นลมง่าย ภาวะเหล่านี้ทำให้เขาต้องหยุดการทดลอง

โปรตีนจากพืชก็ให้คุณค่าที่ดีได้

มาตรการ ๖ ข้อ กินเจและมังสวิรัติให้เกิดผลดีแก่สุขภาพ ต้องยึดมาตรการ ๖ ข้อคือ

๑.ต้องกินข้าวกล้อง ข้าวกล้องมีเส้นใยมาก มีวิตามินบีสูง มีวิตามินอีในจมูกข้าว ข้าวกล้องเป็นแหล่งของกรดอะมิโนจำเป็น

๒.กินถั่วและธัญพืช หลายชนิดสลับกัน เพื่อได้รับกรดอะมิโนครบส่วนเช่นถั่วเหลือง เต้าหู้ และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง วีทเจิร์มและธัญพืชอื่นๆ เพื่อเป็นแหล่งของวิตามมินอีและกรดไขมันไม่อิ่มตัว

๓.กินงาดำ ควรเป็นงาดำคั่วบดงาดำเป็นแหล่งของแคลเซี่ยมที่สำคัญ กินงาดำคั่ว ๓ ช้อนโต๊ะต่อวัน ร่วมกับเต้าหู้ขาว ๑ แผ่น จะได้แคลเซียม ๙๐๐ มก. เท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการใน ๑วัน

๔.กินผักสด เพื่อได้วิตามิน เอนไซม์และพลังแห่งชีวิตจากพืช

๕.กินวิตามินบี ๑๒ เพื่อช่วยสร้างเม็ดเลือด และช่วยการทำงานของระบบประสาท (กินตามกำหนด) มีมากในเต้าเจี้ยวและธัญพืชซึ่งไม่ถูกดัดแปลงเป็นแป้งป่นละเอียด ชมรมเห็ดแห่งประเทศไทยบอกว่า เห็ดเป๋าฮื้อ มีวิตามินบี ๑๒ อยู่ไม่น้อย

๖.กินกรดไขมันจำเป็น ได้แก่น้ำมันปลา และโอเมก้า ๖ ได้แก่น้ำมันดอกพริมโรสบานเย็น

            ตรวจเลือดทุก ๖ เดือน ถ้าพบโคเลสเตอรอลต่ำกว่า ๑๕๐ มก./ดล. นั่นเป็นสัญญาณบอกขาดภาวะกรดไขมันจำเป็น

            เก็บความถึงตอนนี้เห็นว่าจะให้ความรู้แก่ผู้สนใจอาหารมังสวิรัติได้ระดับหนึ่งแล้วแต่ถ้าได้อ่านหนังสือ คู่มือกินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี ซึ่งนายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เขียน ก็จะได้ทราบรายละเอียดอีกมาก

บทความสวรรค์รำลึก มังสวิรัติ www.poosawan.org

Contribute!
Books!
Shop!