กินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี
- Details
- Category: มังสวิรัติ
- Published on Tuesday, 30 July 2013 07:35
- Written by Super User
- Hits: 7684
บทความสวรรค์รำลึก มังสวิรัติ เรื่อง : กินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี
เก็บความจากหนังสือคู่มือกินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี
นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เขียน
อาจารย์เกหลง พานิช เก็บความ
ภาพจาก www.sarakadee.com
๑.โทษภัยของการกินเนื้อสัตว์ล้นเกิน
คนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าเนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนวิเศษสุด เห็นว่าต้องกินตลอดชีวิต คนอีกจำนวนหนึ่งกินมังสวิรัติ แต่เกรงจะขาดสารอาหารจึงกินนมกินไข่ สถาบันมังสวิรัติหลายสถาบันเสนอเกี่ยวกับการดื่มนม และเห็นว่าการดื่มนมสัตว์ก็คือดื่มเลือดจากอกของสัตว์
สถาบันใหญ่ของโลกชื่อคลินิกเบอร์เซอร์-เบนเนอร์ ตั้งอยู่ในซูริค สวิตเซอร์แลนด์บำบัดโรคของคนไข้ด้วยอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เลยผู้อำนวยการสถาบันรูทคุนซ์ เบอร์เชอร์ กล่าวว่า “โปรตีนจากพืชผักมีคุณค่าต่อสุขภาพยิ่งกว่าโปรตีนจากสัตว์เป็นไหนๆ”
คนที่เชื่อในความดีของเนื้อสัตว์ และกินเนื้อสัตว์อย่างเต็มที่ เกิดภาวการณ์กินล้นเกินและการกินผิดส่วน เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เนื้อแดงของสัตว์หลายชนิดมีไขมันแทรกอยู่มากทำให้อ้วน ไขมันเลือดสูง ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ อาจมีไขมันอุดตัน เส้นเลือดสมอง เกิดโรคอัมพาตได้
เรากินอะไรเข้าไป ร่างกายเอาไปใช้เพียงส่วนหนึ่ง มีส่วนที่ดูดซึมไม่หมดโปรตีนส่วนที่ถูกย่อยแล้ว ก็จะเป็นอาหารของแบคทีเรียในลำไส้ เกิดการบูดเน่าอันทำให้เกิดสารพิษมากมาย ตลอดลำไส้เล็กที่ยาว ๒๐ ฟุต เมื่อถึงลำไส้ใหญ่ซึ่งดูดซึมน้ำกลับเข้าร่างกายก็จะพาเอาพิษเหล่านั้นเข้าตัวไปด้วย เกิดเป็นสารพิษแหล่งใหญ่ที่มากับโรคมากมาย เช่นภูมิแพ้ หอบหืด ตลอดจนโรคมะเร็ง ธรรมชาติบำบัดจึงเน้นย้ำกับผู้คนเสมอว่าคุณต้องล้างพิษ
การกินเนื้อสัตว์ล้นเกินยังเป็นเหตุของโรคกระดูกผุ ด้วยเหตุที่โปรตีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สะสมไว้ ถ้ามากไปก็จะเก็บสะสมเป็นไขมัน และแยกเอาอนุมูลของเอมีนให้ขับออกทางปัสสาวะ ในสภาพของแอมโมเนีย การขับเอมีนนี้ร่างกายจะสูญเสียแคลเซี่ยมด้วย และฟอสฟอรัสที่สูงจะเร่งให้ต่อมพาราไทรอยด์ขับโฮโมนซึ่งมีหน้าที่ละลายแคลเซี่ยมจากกระดูกมาสมดุลกับฟอสฟอรัสในเลือด จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคกระดูกบาง
ฉะนั้นการกินเนื้อมากจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคกระดูกผุตั้งแต่อายุยังไม่มาก และยังเป็นสาเหตุให้เกิดสารยูริกขึ้นมากเมื่อถึงจุดอิ่มตัวจะจับตัวเป็นผลึกอันแหลมคมและละเอียด คอยทิ่มแทงกล้ามเนื้อพังผืดตลอดจนเยื่อหุ้มประสาทเกิดโรครูมาติสม์โรคปลายประสาทอักเสบ และโรคเส้นประสาทขา เป็นต้น
ภาวะไตเสื่อม พบมากในคนที่กินเนื้อสัตว์มาก การกินเนื้อสัตว์มากเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆประมาณ ๑๒ โรค ตั้งแต่โรคอ้วนถึงโรคมะเร็ง การกินมังสวิรัติให้ถูกวิธีจึงเป็นการป้องกันและรักษาโรคเหล่านั้น
๒.หลักปรัชญาและเหตุผลของการกินเจและการกินมังสวิรัติ
การกินเจและกินมังสวิรัตินั้นเป็นหนทางสุขภาพที่มีผู้ปฏิบัติมากที่สุด หลักการกินเจเผยแพร่ควบคู่ไปกับการถือศาสนาพุทธในนิกายมหายานให้ผู้คนละเว้นการฆ่าสัตว์
บางคนก็กินเจ กินมังสวิรัติเป็นประจำ บางคนก็เน้นบางมื้อบางคราว การกินมังสวิรัติโลกมีที่มา ๒ ทาง ทางหนึ่งมาจากตะวันออก คืออินเดีย ในหมู่ผู้ปฏิบัติโยคะกับผู้ถือศาสนาฮินดูส่วนหนึ่ง อีกกระแสหนึ่งมาจากตะวันตก จากเซเว่นเดย์ แอดเวนติสต์ และมอร์มอน ยังมีชาวไทยพุทธผู้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดมักจะกินมังสวิรัติด้วย
ในคัมภีร์ “คำอุโฆษแห่งสันติภาพ” อันเป็นบันทึกพระดำรัสของพระเยซูมีว่า “ มังสะ (เนื้อ) แห่งสัตว์ที่วายชีพอย่างทุกข์ทนจะกลายเป็นหลุมศพแห่งเขาผู้บริโภคมังสะนั้น จงเชื่อฟังสัจจะที่ข้าจะสอน สั่ง ใครลงมือสังหาร (ผู้นั้น)กำลังสังหารตัวของเขาเองใครกลืนกินมังสะของสัตว์ที่ตายอย่างทุกข์ทนกำลังกลืนกินความตายเข้าสู่ร่างของตน”
ผู้กินมังสวิรัติที่มาจากอินเดียยังเสนอว่าแท้จริงพระพุทธเจ้าก็เสวยมังสวิรัติเช่นกันเพราะประเพณีชาวเนปาลบริเวณที่เป็นถิ่นฐานของศากยวงศ์จะไม่กินเนื้ออยู่แล้วเป็นปกติ
เหตุผลทางสรีรวิทยา
นักวิทยาศาสตร์ฝ่ายมังสวิรัติบอกว่าสัตว์ในโลกนี้แบ่งเป็น ๓ ชนิด ใหญ่ๆคือ
๑.สัตว์กินเนื้อ เช่นสิงโต เสือ สัตว์ เหล่านี้มีทางเดินอาหารสั้นมาก เนื้อสัตว์เน่าเปื่อยเร็วมาก สารจากการเน่าเปื่อยของเนื้อจะกลายเป็นสารพิษ ดังนั้นทางเดินอาหารของสัตว์กินเนื้อจึงวิวัฒนาการมาให้สั้น ดูดซึมเฉพาะธาตุอาหาร แล้วถ่ายกากทิ้งโดยเร็วไม่ทันดูดซึมสารเสียจากการเน่าเปื่อย สัตว์กินเนื้อมีเขี้ยวที่คม มีขากรรไกรที่แข็งแรง มีกรงเล็บอันคมกริบ เหล่านี้ออกแบบมาสำหรับล่าเหยื่อ
๒.สัตว์กินหญ้าและใบไม้ ได้แก่ช้าง ม้า วัว ควาย มันต้องกินวันละมากๆ เพื่อเก็บทุกอณูไปใช้แก่ร่างกาย จึงมีทางเดินอาหารยาวถึง ๑๐ เท่าของลำตัว
๓.สัตว์กินผลไม้และธัญพืช กลุ่มนี้คือวานร คนน่าจะอยู่ในประเภทเดียวกันกับวานร คือกินผลไม้และธัญพืช
ประเทศที่กินเนื้อสัตว์มากจะมีอัตราเจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจ หลอดเลือดและโรคมะเร็งมากกว่าประเทศที่บริโภคพืชผักเป็นหลัก มังสวิรัติถือว่า สัตว์ในขณะที่จะถูกฆ่าจะเกิดสารพิษขึ้นชนิดหนึ่งไปทั่วร่างกาย ผู้บริโภคเนื้อสัตว์นั้นก็รับเอาสารพิษนั้นเข้าสู่ร่างกาย ถ้ามีสารนี้มากจะบั่นทอนอวัยวะต่างๆให้เสื่อมเร็ว
๓.โทษภัยของการกินเจ กินมังสวิรัติไม่ถูกวิธี
อาหารเจพัฒนาใหม่
- พยายามลอกเลียนแบบอาหารเนื้อสัตว์ ทั้งรูปร่าง และรสชาติ
- ใช้โปรตีนจากถั่วเหลืองเป็นหลัก
- ใส่สี กลิ่น สารทำให้กรอบ สารกันบูด
ผู้บริโภคจึงเสี่ยงเพิ่มขึ้นทั้งรับปริมาณโปรตีนล้นเกิน (แม้จะเป็นโปรตีนของพืชก็ตาม) ทำให้เสียสมดุลของร่างกายและขาดวิตามิน คนกินเจประเภทนี้จะอ้วนขึ้นไขมันในเลือดสูงขึ้น เบาหวานรุนแรงขึ้นความดันเลือดและโรคหัวใจก็กำเริบขึ้น
ผลกระทบของการกินอาหารมังสวิรัติผิดวิธี
หนึ่งคือการปรุงอาหารสุกทั้งหมดทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร อีกลักษณะหนึ่งคือกินอาหารไม่ได้ส่วนมาก กินแต่ข้าวขาวไม่กินข้าวกล้อง กินกับข้าวมันๆ ไม่ได้กินธัญพืชประเภทต่างๆให้พอ ทั้งไม่กินผักสดและผลไม้ เพียงพอทำให้เกิดภาวะพร่องกรดอะมิโนจำเป็น
ภาวะพร่องวิตามินและธาตุเหล็กภาวะไขมันล้นเกินเป็นต้น การกินเจผิดวิธีในระยะยาวทำให้อ้วน ไขมันในเลือดสูง เบาหวานเกิดภาวะเลือดจาง และภูมิต้านทานต่ำ
พลังสดและปริมาณโปรตีนแคลอรี่ที่เหมาะสม
ในปี ค.ศ.๑๙๕๐ นายแพทย์ชาโนเร คูราชูเน หัวหน้าภาควิชาอยุรศาสตร์มหาวิทยาลัยคิวชู ประเทศญี่ปุ่น มีความสงสัยขึ้นมาว่า อาหารที่เชลยศึกในสงครามญี่ปุ่นกินเพียงพอกับความต้องการของร่างกายหรือไม่ จึงได้ทดลองตัวเองกับภรรยา
อาหารนั้นคือข้าวกล้อง ผักสดปริมาณมาก ผลไม้บ้าง ส่วนใหญ่เป็นสารอาหารสดทดลองอยู่ ๓ ช่วงคือ ในฤดูหนาว ๑๒๐ วัน ฤดูร้อน ๓๒ วัน และฤดูใบไม้ผลิอีก ๘๑ วัน ระหว่างนั้นภรรยาของเขายังให้นมลูกทั้งสองคน ยังทำงานตามปกติ ปรากฏว่าทั้งสองยังคงมีสุขภาพดีเหมือนปกติทุกประการ การให้นมลูกไม่ยุ่งยากเท่าเมื่อก่อนเข้าทดลองด้วยซ้ำ
จากนั้นทั้งสองคนเปลี่ยนมากินอาหารในปริมาณเดิม แต่คราวนี้ทำทุกอย่างให้สุก ไม่ช้าก็พบว่า อาการต่างๆที่ปรากฏแก่เชลยศึกก็มีขึ้นแก่เขา คืออาการบวมอาการของภาวะขาดไวตามิน และหมดแรงเป็นลมง่าย ภาวะเหล่านี้ทำให้เขาต้องหยุดการทดลอง
โปรตีนจากพืชก็ให้คุณค่าที่ดีได้
มาตรการ ๖ ข้อ กินเจและมังสวิรัติให้เกิดผลดีแก่สุขภาพ ต้องยึดมาตรการ ๖ ข้อคือ
๑.ต้องกินข้าวกล้อง ข้าวกล้องมีเส้นใยมาก มีวิตามินบีสูง มีวิตามินอีในจมูกข้าว ข้าวกล้องเป็นแหล่งของกรดอะมิโนจำเป็น
๒.กินถั่วและธัญพืช หลายชนิดสลับกัน เพื่อได้รับกรดอะมิโนครบส่วนเช่นถั่วเหลือง เต้าหู้ และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง วีทเจิร์มและธัญพืชอื่นๆ เพื่อเป็นแหล่งของวิตามมินอีและกรดไขมันไม่อิ่มตัว
๓.กินงาดำ ควรเป็นงาดำคั่วบดงาดำเป็นแหล่งของแคลเซี่ยมที่สำคัญ กินงาดำคั่ว ๓ ช้อนโต๊ะต่อวัน ร่วมกับเต้าหู้ขาว ๑ แผ่น จะได้แคลเซียม ๙๐๐ มก. เท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการใน ๑วัน
๔.กินผักสด เพื่อได้วิตามิน เอนไซม์และพลังแห่งชีวิตจากพืช
๕.กินวิตามินบี ๑๒ เพื่อช่วยสร้างเม็ดเลือด และช่วยการทำงานของระบบประสาท (กินตามกำหนด) มีมากในเต้าเจี้ยวและธัญพืชซึ่งไม่ถูกดัดแปลงเป็นแป้งป่นละเอียด ชมรมเห็ดแห่งประเทศไทยบอกว่า เห็ดเป๋าฮื้อ มีวิตามินบี ๑๒ อยู่ไม่น้อย
๖.กินกรดไขมันจำเป็น ได้แก่น้ำมันปลา และโอเมก้า ๖ ได้แก่น้ำมันดอกพริมโรสบานเย็น
ตรวจเลือดทุก ๖ เดือน ถ้าพบโคเลสเตอรอลต่ำกว่า ๑๕๐ มก./ดล. นั่นเป็นสัญญาณบอกขาดภาวะกรดไขมันจำเป็น
เก็บความถึงตอนนี้เห็นว่าจะให้ความรู้แก่ผู้สนใจอาหารมังสวิรัติได้ระดับหนึ่งแล้วแต่ถ้าได้อ่านหนังสือ คู่มือกินเจและมังสวิรัติให้ถูกวิธี ซึ่งนายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เขียน ก็จะได้ทราบรายละเอียดอีกมาก
บทความสวรรค์รำลึก มังสวิรัติ www.poosawan.org