๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ของดีที่ทุกคนอยากรู้
- Details
- Category: บทความทั่วไป
- Published on Sunday, 20 April 2014 09:47
- Written by Super User
- Hits: 6521
พระพุทธรัตนะ พระประธานในส่วนปฏิบัติธรรมของอาคารอริยสัจสี่
เดินสายสักการะ ไหว้พระขอพร เพิ่มพลังชีวิต ที่อาคารอริยสัจสี่
ตอนที่ ๑ ๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ของดีที่ทุกคนอยากรู้
ท่ามกลางสังคมเมืองที่สุดแสนจะวุ่นวายของกรุงเทพมหานคร ยังมีสถานที่นึงที่มีความสงบร่มเย็น เร้นกายอยู่ในเมืองใหญ่แห่งนี้ แน่นอนครับผมกำลังนำท่านไปเที่ยวชม ไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่ “อาคารอริยสัจสี่” ซึ่งเป็นที่ทำการของหลายหน่วยงานด้วยกันและหน่วยงานที่สำคัญที่ตั้งอยู่ที่นี่ก็ได้แก่ “ชมรมสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ยุคอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์บุกเบิก ในพระอุปถัมภ์ของเสด็จพ่อท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ” ชื่อเต็มค่อนข้างยาวนะครับเรียกสั้นๆว่า ชมรมสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ก็แล้วกันครับ แล้ววันหลังผมจะเล่าที่มาที่ไปให้ได้อ่านกันอีกที สำหรับวันนี้เราจะมาเสาะหาความเป็นมหามงคลมาน้อมใส่ตัวเรากันที่นี่ครับ
เมื่อเราเดินทางมาถึงอาคารอริยสัจสี่ ถ้ามาใหม่ๆหรือไม่เคยมาก็จะมีเจ้าหน้าที่ใจดีมาคอยให้การต้อนรับ ชวนให้นั่งพัก ดื่มน้ำดื่มท่าเย็นๆ ให้คลายเหนื่อยจากการเดินทาง ท่านที่ยังไม่ได้ทานอาหารมาก็มีร้านอาหารมังสวิรัติไว้บริการในราคาย่อมเยา ทราบจากเจ้าหน้าที่ของชมรมว่าในวันสำคัญๆทางศาสนา ทางชมรมจัดเลี้ยงฟรีเลยครับ ท่านผู้มาร่วมกิจกรรมก็น่ารักเห็นว่าทางชมรมมีน้ำใจเลี้ยงอาหารฟรีท่านก็สละเงินคนละเล็กละน้อยหยอดตู้ทำบุญต่อบุญนำเงินที่ได้ไปหมุนเวียนจัดซื้ออาหารมาเลี้ยงกันในครั้งต่อไปนับว่าเป็นภาพประทับใจที่เกิดขึ้นเสมอที่นี่ครับ
ทานอาหารพักผ่อนกันตามสมควรแล้วก็ขอเชิญเดินมุ่งหน้าขึ้นไปไหว้พระกันเลยที่ชั้นที่ ๔ ส่วนปฏิบัติธรรมของอาคาร วันนี้เรามีเป้าหมายชัดเจนครับ เราอยากรู้จังครับว่าอะไรคือ “๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก” ที่อยู่ในชั้นนี้ ตามมาเลยครับ
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งพิธีการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ที่กุสินารา บรรดากษัตริย์เจ้าแคว้นต่างๆ ในชมพูทวีปต่างต้องการพระบรมสารีริกธาตุกลับไปบรรจุในสถูปเจดีย์ในเมืองของต้นเพื่อสักการะบูชา จนถึงขั้นจะใช้กำลังเข้าแย่งชิงกัน สุดท้ายต้องมีการเจรจาโดยตกลงให้โทณพราหมณ์ ซึ่งเป็นราชครูของบรรดากษัตริย์เหล่านั้นเป็นผู้ตวงแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ สิ่งนึงที่พระคัมภีร์พุทธศาสนาทุกคัมภีร์กล่าวไว้ตรงกันก็คือ ในบรรดาพระพุทธสรีระธาตุเหล่านั้นมีอยู่ ๗ ชิ้น ที่ไม่ถูกเตโชเผาผลาญทำลายได้แก่
พระสรีระธาตุจำลอง ๒ใน๗ชิ้น ที่จัดแสดงอยู่ ณ อาคารอริยสัจสี่
๑.พระอุณหิส (กระดูกบริเวณหน้าผาก) ตำนานว่าประดิษฐานอยู่ ณ เมืองอนุราธสิงหฬ
๒.พระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาร้าด้านขวา) ตำนานว่าประดิษฐานอยู่ที่ เมืองเมืองอนุราธสิงหฬ
๓.พระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้าเบื้องซ้าย) ตำนานว่าประดิษฐานอยู่ ณ พรหมโลก
๔.พระทาฒธาตุขวาเบื้องบน (เขี้ยวขวาเบื้องบน) ตำนานว่าประดิษฐานอยู่ ณ ดาวดึงส์เทวโลก
๕.พระทาฒธาตุซ้ายเบื้องบน (เขี้ยวซ้ายเบื้องบน) ตำนานว่าประดิษฐานอยู่ ณ เมืองคันธารรัฐ
๖.พระทาฒธาตุขวาเบื้องล่าง (เขี้ยวขวาเบื้องล่าง) ตำนานว่าประดิษฐานอยู่ ณ ลังกาสิงหฬ
๗.พระทาฒธาตุซ้ายเบื้องล่าง (เขี้ยวซ้ายเบื้องล่าง) ตำนานว่าประดิษฐานอยู่ ณ นาคพิภพ
เมื่อครั้งที่เริ่มตั้งชมรมสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์และสร้างอาคารอริยสัจสี่นี้ขึ้น ประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๕ นั้น ท่านอาจารย์อริยวังโสภิกขุ (สุชาติ โกศลกิติวงศ์) ผู้บุกเบิกก่อตั้งสำนักปู่สวรรค์ได้ให้คำแนะนำเรื่องการจัดสร้างสิ่งมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วยเช่นกัน จำนวน ๗ ชิ้นนี้ นำมาประดิษฐานในครอบแก้ว จัดแสดงให้พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจได้สักการะ เพื่อรำลึกถึงพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดุจได้ไปนมัสการต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ ท่านอาจารย์อริยวังโส ท่านเคยกล่าวไว้ว่าการที่ได้มานมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ที่อาคารอริยสัจสี่นี้ประดุจ “ได้มานมัสการใกล้ชิดถึงกระดูกของพระองค์” ซึ่งเป็นการเข้าถึงอย่างลึกล้ำ สุดที่จะบรรยายจะต้องให้ผู้ที่ได้มานมัสการจริงจึงจะได้รับรู้ได้ถึงความฉ่ำเย็นอย่างลึกล้ำนี้
เชื่อกันว่าการที่ได้มีโอกาสไปนมัสการพระบรมสรีระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ ตลอดจนพระอรหันต์ธาตุนั้นมีอานิสงส์มหาศาล ดังจะได้ยกตัวอย่างดังนี้
๑. ไม่ถึงแก่ความตายก่อนเวลา เช่น ตายโหง และ คมศาสตราวุธ
๒. มีอุปสรรคปัญหาย่อมผ่านพ้นได้แน่นอน
๓. ประกอบการค้าพาณิชย์ย่อมจะเจริญรุ่งเรือง
๔. รับราชการ ยศ ตำแหน่งจะเจริญขึ้น
๕. มีเสน่ห์เมตตามหานิยม มหาโชค มหาลาภ และ คลาดแคล้ว
๖. เทวดาอารักษ์คุ้มครองรักษาตลอดกาล
๗. เมื่อดับจิตมีสุคติสรวงสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
๘. ในบ้านเรือนครอบครัวจะสงบสุขร่มเย็น และเจริญรุ่งเรือง
๙. มีเดช มีอำนาจวาสนา บารมีแผ่ไพศาล บริวารจะเคารพ หมู่ชนจะยำเกรง
๑๐. อานิสงส์นอกจากนี้สุดแล้วจะอธิษฐาน
การที่ได้มีโอกาสไปนมัสการพระ พระบรมสารีริกธาตุ และพระสรีระธาตุ ๗ มหัศจรรย์ที่อาคารอริยสัจสี่ในครั้งนี้นอกจากได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพุทธประวัติบางตอนที่เราท่านอ่านจะลืมๆเลือนๆไปบ้างแล้ว ยังได้รับกุศลและรังสีบารมีจากพระพุทธองค์ที่แผ่มาให้เราได้ฉ่ำเย็นเป็นมงคลดุจดังน้ำทิพย์จากสรวงสวรรค์ และที่สำคัญที่สุดพระพุทธองค์ยังได้แสดงปริศนาธรรมจากพระสรีระธาตุให้มนุษย์ได้ระลึกถึงว่า วันและเวลาแห่งความแตกดับของสังขารนั้นได้วิ่งตามตัวเราเข้ามาทุกวินาที ไม่มีใครหนีพ้น แม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังต้องดับขันธ์ทิ้งสังขารไว้ในโลกมนุษย์ เหลือไว้เพียงสัจธรรมคำสอนเพื่อให้สาธุชนได้เจริญรอยตามเบื้องพระสุคตเข้าสู่แดนนิพพานหลุดพ้นซึ่งการเวียนว่ายในสังสารวัฏนี้ต่อไป เป็นการให้ท่านทั้งหลายรีบเร่งสร้างความเพียร ตังใจสร้างกุศลไว้ให้พอเป็นเสบียงไปใช้ในโลกหน้านี้ต่อไปจนกว่าจะได้พบพระนิพพาน
ท่านที่สนใจอยากเข้าชมและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระสรีระธาตุจำลอง ๗ ชิ้นนี้ขอเชิญไปได้ที่ อาคารอริยสัจสี่ ชมรมสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ฯ ซ.เพชรเกษม ๖๕ เขตบางแค กรุงเทพฯ หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒ – ๔๒๑๐๔๘๙