อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ กับที่มาของตำแหน่งทูตสันติภาพ
- Details
- Category: บทความประวัติศาสตร์
- Published on Thursday, 01 August 2013 08:18
- Written by Super User
- Hits: 7023
อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ กับที่มาของตำแหน่งทูตสันติภาพ
หลายท่านที่ยังไม่เคยได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของสำนักปู่สวรรค์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับสำนักนี้มักมีความสงสัยอยู่เสมอว่า ทำไมเวลาที่สานุศิษย์หรือผู้ศรัทธาต่องานของสำนักมักจะเรียกอาจารย์ สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ว่าท่านทูตสันติภาพ ตำแหน่งนามตามท้ายที่กล่าวถึงนี้มีที่มาอย่างไร บทความสวรรค์รำลึกในเดือนนี้จะขอนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมานำเสนอกันครับ
ประวัติของอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์
อาจารย์สุชาติ เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๖ เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวน ๗ คนของ นายเต็กสือ แซ่ฉั่ว กับนางฮุ้ยฮวง แซ่ลิ้ม ท่านเกิดในเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ต้นตระกูลของบิดาท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในประเทศจีน บ้านเดิมอยู่อำเภอเตียอัง จังหวัดกังตึง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน บิดาของท่านเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก และได้รับราชการอยู่ในคณะรัฐบาลของเจียง มีตำแหน่งเป็นที่สี่รองจากประธานาธิบดี ต่อมาเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับประธานาธิบดีเจียง ในเรื่องการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่น และการบริหารงานของรัฐบาล เป็นเหตุให้บิดาของท่านต้องรีบหนีการคุกคามชีวิตมาประเทศไทย ก่อนปี ๒๔๗๕ และมาประกอบอาชีพแพทย์แผนโบราณ
ในวัยเยาว์อาจารย์สุชาติ มีนิสัยชอบพูดคุยเรื่องธรรมะและเรื่องการช่วยเหลือคนอื่นไม่สนใจการเรียนชอบออกไปเที่ยวเล่นมากกว่า ต่อมาเมื่อท่านอายุ ๗ ขวบ บิดาเสียชีวิตลง ทำให้มารดาของท่านต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงลูก ๗ คน ท่านเรียนหนังสืออยู่ในระบบการศึกษาไทยถึงชั้นประถมศึกษา ๔ และท่านก็ไม่ได้เรียนหนังสืออีก เมื่อไม่ได้เรียนหนังสือท่านก็ต้องออกไปทำงานรับจ้าง ขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง ส่งกาแฟบ้างเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ
เมื่อท่านอายุประมาณ ๑๗ ปี เป็นช่วงหักเหของชีวิตท่าน เมื่อท่านมาทำงานที่สมาคมพาณิชย์จีน ระหว่างนั้นท่านได้ช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจภาพยนตร์ท่านหนึ่งให้สามารถจำนำฟิล์มภาพยนตร์กับสมาคมได้ ผู้ที่มาขอร้องท่านมีความประทับใจในน้ำใจ ได้มอบพระหลวงปู่ทวดให้ท่าน ๑ องค์ พระองค์นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานเพื่อมนุษยโลก เมื่อท่านเกิดอยากลองพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของพระโดยไปขอร้องให้พระสงฆ์ที่วัดดอนยานนาวาสอนวิธีการปลุกพระ ซึ่งพระท่านก็แนะนำให้
ในเรื่องการปลุกพระในคราวนั้นท่านเล่าว่ารู้สึกเหมือนมีดวงไฟดวงใหญ่แล่นเข้ามาปะทะที่ใบหน้าและหมดความรู้สึกไป สักครู่จึงรู้สึกตัว เพื่อนที่มาด้วยกันบอกว่าหลวงปู่ทวดมา ได้ทดลองอยู่หลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายดวงวิญญาณของหลวงปู่ท่านบอกว่าจะเอาท่านเป็นร่างทรง
เมื่อผู้คนทราบข่าวว่าดวงวิญญาณของหลวงปู่ทวดมาเข้าร่างอาจารย์สุชาติหรือนายสุชาติในขณะนั้น ก็มีผู้เจ็บป่วยมาขอร้องให้ท่านรักษาก็ปรากฏว่าหายอย่างมหัศจรรย์ ก็มีคนมาให้รักษามากขึ้นแต่ในระยะนั้นท่านไม่เต็มใจที่จะให้ดวงวิญญาณมาผ่านร่างก็คิดตามประสาเด็กว่าถ้าหนีไปต่างประเทศวิญญาณก็คงจะตามไปไม่ได้ แต่หลวงปู่ท่านก็ตามไปผ่านร่างได้
รับใช้โลกวิญญาณ
เมื่อวันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๐๙ หลวงปู่ทวดประกาศตั้งสำนักปู่สวรรค์ขึ้นในโลกมนุษย์อย่างเป็นทางการ ในขณะนั้นสำนักตั้งอยู่ที่บางปะกอก ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๑๓ จึงย้ายสำนักมาอยู่ที่บางแค
เมื่อตั้งสำนักปู่สวรรค์ที่บางแคอย่างมั่นคง ท่านบรมครูกำหนดการทำงานของสำนักในการบำบัดทุกข์ทั้งกายและใจให้กับมนุษย์ด้วยการรักษาโรค และสั่งสอนธรรมะปรัชญาการดำเนินชีวิตตามอุดมการณ์ ข้อที่ ๑ “ช่วยบำบัดทุกข์ทั้งกายและใจให้กับชนทุกชั้น” ในช่วงเวลานั้นท่านบรมครูใช้ร่างของอาจารย์สุชาติ เป็นสื่อสารในการทำงาน เช่นการตรวจรักษาโรคของหลวงปู่ทวด การประทานน้ำมนต์อาบเพื่อรักษาโรคทางวิญญาณโดยเสด็จพ่อท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ การเทศนาธรรมโดยหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี กิจกรรมทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในวันเดียว ในเรื่องนี้มีผู้สนใจไปจับผิดกันมากในเรื่องที่ว่าอาจารย์สุชาติมีวิญญาณท่านบรมครูจริงหรือเปล่า ก็ปรากฏว่าต้องยอมจำนนต่อความเป็นจริง เพราะตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายจนเย็น ที่ท่านบรมครูเสด็จมาทำงาน ร่างก็คืออาจารย์สุชาติ ไม่มีการพักกินอาหาร ไม่มีการเข้าห้องน้ำขับถ่าย ไม่ดื่มน้ำ และสามารถเจรจาโต้ตอบปัญหาธรรมใดๆที่ ในสมัยนั้นมีนักวิชาการ นักการศาสนา นักอภิธรรม ตลอดจนผู้สนใจมาทดสอบ มาถามปัญหาข้อข้องใจกันมาก ท่านก็สามารถตอบปัญหาเหล่านั้นและเทศนาธรรมได้อย่างไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อย
ความปรารถนาของโลกวิญญาณเรื่องสันติภาพในโลกมนุษย์
ในเวลาต่อมาสถานการณ์ความขัดแย้งภายในโลกมนุษย์ มีท่าทีที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น โลกเกิดสงครามเย็นระหว่างมหาอำนาจสองค่ายใหญ่ ประเทศไทยเกิดสงครามย่อยเนื่องจากความขัดแย้งด้านลัทธิการเมือง สถานการณ์ภายในประเทศเกิดความรุนแรงมากขึ้น และมีท่าทีที่อาจจะขยายตัวเกิดเป็นสงครามโลก สงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ ท่านบรมครูมีบัญชาให้อาจารย์สุชาติไปบุกเบิกหาสถานที่ทำงานเพื่อหยุดยั้งไฟสงครามที่กำลังก่อตัวขึ้น และสร้างสันติภาพขึ้นในโลก โดยกำหนดให้เป็นสถานที่หนึ่งซึ่งในเวลาต่อมาก็คือหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรีนั่นเอง
เมื่อก่อตั้งหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาแล้ว ท่านบรมครูได้วางแผนงานเป็นขั้นตอนในการสร้างสันติภาพและความปรองดองขึ้นในภูมิภาคและในโลก โดยจัดตั้ง “สมาคมศาสนาสัมพันธ์” ขึ้นอาจารย์สุชาติได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม ในปี พ.ศ.๒๕๑๘
สมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ทุกประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อที่ ๙ “หาทางประชุมเพื่อสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์” เมื่อได้วางแผนงานแล้วก็ได้เริ่มทำงานเพื่อกรุยทางไปสู่จุดหมายคือสันติภาพอันถาวร อาจารย์สุชาติในฐานะนายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้จัดคณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์หลายคณะ เพื่อเดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาในประเทศต่างๆ และแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านสันติภาพระหว่างกัน เช่น
- คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ ชุดที่๑ เยือนนครวาติกันและกรุงเยลรูซาเลม เมื่อ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๐
-คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ ชุดที่๒ อัญเชิญพระไตรปิฎกกลับสู่ชมพูทวีปและร่วมประชุมสภามังสวิรัติแห่งโลกครั้งที่ ๒๔ เมื่อ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๐
-คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ ชุดที่๓ สถาปนามิตรภาพและสันติภาพ ณ ทวีปยุโรป เมื่อ ๒๘ พฤศจิกายน ถึง ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๑
-คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ ชุดที่๔ เยือนสหภาพโซเวียตและเข้าประชุมสันติภาพแห่งเอเชีย ที่ประเทศมองโกเลีย ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๒
ฯลฯ
นี่เป็นเพียงบางส่วนในการดำเนินงานเพื่อสันติภาพของสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ท่านสามารถหารายละเอียดการเดินทางไปดำเนินงานได้จากเอกสารและหนังสือที่ชมรมสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์จัดพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือเรื่อง “งานศาสนาสัมพันธ์ในอดีต” รวบรวมโดย พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์ เป็นหนังสือที่รวบรวมรายละเอียดการทำงานไว้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้ที่อ่านนอกจากจะได้ความรู้แล้วยังมีความเพลิดเพลินในการอ่านบันทึกของคณะธรรมทูตท่านต่างๆที่ได้ประสบมาในการเดินทาง
ทูตสันติภาพ ตำแหน่งนี้มีที่มา
ปูพื้นเสียยืดยาวก็มาถึงเรื่องสำคัญตามหัวเรื่องที่จั่วหัวไว้นะครับ ตำแหน่งทูตสันติภาพที่อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้รับนั้นมีมี ๒ กรณี คือกรณีที่โลกวิญญาณแต่งตั้ง และในกรณีที่โลกมนุษย์แต่งตั้ง
๑.เรื่องการได้รับการแต่งตั้งเป็น “ทูตสันติภาพแห่งโลกวิญญาณ” นั้นก็คือเมื่อโลกวิญญาณมีแนวทางที่จะให้สำนักปู่สวรรค์ทำงานเพื่อยับยั้งไฟสงคราม โดยให้อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์เป็นผู้ออกไปดำเนินการสร้างภราดรภาพทางศาสนา จึงได้แต่งตั้งท่านให้เป็นทูตของพระเจ้า ในนาม “ทูตสันติภาพแห่งโลกวิญญาณ” เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าโลกวิญญาณปรารถนาเห็นมนุษย์มีสันติ มีความร่มเย็น ไม่เบียดเบียนกัน และอาจารย์สุชาติ ได้รับภารกิจนี้มาจากโลกวิญญาณ จากบันทึกของสำนักปู่สวรรค์กล่าวว่า โลกวิญญาณมีมติแต่งตั้งอาจารย์สุชาติโกศลกิติวงศ์ เป็นทูตสันติภาพแห่งโลกวิญญาณ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๖
ในเรื่องของการแต่งตั้งให้เป็นทูตจากโลกวิญญาณนี้ อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ นายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้เขียนเป็นบทความลงในหนังสือคณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์แห่งโลก เยือนนครวาติกันและกรุงเยรูซาเล็ม มีข้อความตอนหนึ่งว่า "เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๑๖ ข้าพเจ้าได้รับการสถาปนาให้เป็นทูต ซึ่งเป็นทูตที่มาจากอีกโลกหนึ่ง คือทูตสันติภาพแห่งโลกวิญญาณ เป็นเหตุให้มนุษย์ที่เป็นนักเขียนหรือนักประวัติศาสตร์แอบหัวเราะกัน พูดกันว่า ทูตแบบนี้ใครแต่งตั้ง ประเทศไหนรับรอง แต่ข้าพเจ้าก็แอบชื่นชม ยินดีของข้าพเจ้าเอง เพราะทูตอย่างข้าพเจ้าได้รับการแต่งตั้งจากสวรรค์ และในโลกนี้มีข้าพเจ้าเพียงคนเดียว"
๒.ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันติภาพแห่งโลก โดยสภาธรรมนูญโลก
สภาธรรมนูญโลกหรือ World Constitution and Parliament Association ; WCPA เป็นองค์กรภาคเอกชน ที่มีสมาชิกและตัวแทน มากกว่า ๕๐ ประเทศ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๑ โดยศาสตราจารย์ฟิลิป ไอสเลย์ (Professor Philip Isely) และคณะ โดยองค์กรนี้มีแนวคิดเกี่ยวกับการใช้ระบบประชาชาติยับยั้งปัญหาของโลกที่คุกคามสวัสดิภาพและชีวิตของมนุษย์ เช่นเรื่องของสงคราม ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ภัยจากอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธร้ายแรงอื่นๆ การละเมิดสิทธิมนุษยชน เหล่านี้ก็เพื่อให้ประชาคมโลกอยู่กันอย่างปลอดภัยและมีเอกภาพอย่างแท้จริง
ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ นายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ เสนอแผนการจัดประชุมสันติภาพ ส่งถึงผู้นำทั่วโลก และส่งถึงสภาธรรมนูญโลกด้วย นอกจากนั้นสมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้ส่งข้อเสนอแนะในเรื่องการจัดประชุมสภาโลกชั่วคราว ปลายปี พ.ศ.๒๕๒๓ สภาธรรมนูญโลก เชิญนายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ เข้าร่วมการประชุม ประจำปีครั้งที่ ๔ ที่ประเทศอินเดีย
ต้นปี พ.ศ.๒๕๒๔ นายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ จัดคณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ เดินทางเข้าร่วมประชุมสภาธรรมนูญโลกซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย มีสมาชิกกรรมการกลางจาก ๒๒ ประเทศเข้าร่วมประชุม การร่วมประชุมครั้งนี้อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ และคณะมาในนามของผู้แทนกิตติมศักดิ์
เมื่อการประชุมเริ่มขึ้นระยะหนึ่งนายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้รับเชิญให้กล่าวสุนทรพจน์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลโลก และเกี่ยวกับธรรมนูญการปกครองโลก ซึ่งข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์นี้ เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางจากที่ประชุม
ในการประชุมวันสุดท้าย ที่ประชุมได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์แต่งตั้งให้ อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์นายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์จากประเทศไทย เป็น “ทูตสันติภาพแห่งโลก ( World Peace Envoy )” เนื่องจากผลงานอันยิ่งใหญ่ที่ดำเนินงานเพื่อสันติสุขของมนุษยชาติและสันติภาพของโลกอย่างแท้จริง ในวันที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันติภาพนั้น อาจารย์สุชาติได้กล่าวปราศรัยกับที่ประชุมว่า “ท่านประธานและผู้มีเกียรติ ในที่ประชุมนี้ ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่ให้เกียรติแต่งตั้งข้าพเจ้า เป็นทูตสันติภาพแห่งโลก ข้าพเจ้าขอให้สัจจะว่าข้าพเจ้าจะพยายามรณรงค์ ให้งานของสภาธรรมนูญโลกสัมฤทธิ์ผลให้จงได้”
หลังจากที่ท่านเป็นทูตสันติภาพแห่งโลกแล้วท่านก็ได้ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้โครงการสันติภาพต่างๆบรรลุความสำเร็จ ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆมากมาย จากผู้ที่ไม่ต้องการสันติภาพ พ่อค้าอาวุธ ผู้ก่อการร้าย อิทธิพลการเมือง ท่านต้องถูกมรสุมเล่นงานท่านหลายครั้ง ถูกใส่ร้ายป้ายสีให้เสียชื่อเสียง ถูกลอบสังหาร แต่ด้วยปณิธานแน่วแน่ในการทำงานเพื่อรับใช้อุดมการณ์ และสันติภาพ ทำให้ท่านต่อสู้และยืนหยัดอยู่ได้ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันติภาพอีกหลายครั้งจากการประชุมของสภาธรรมนูญโลกในวาระต่างๆ แม้จนกระทั่ง ท่านทูตสันติภาพต้องลี้ภัยอยู่ในที่สงบตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๕ ที่ประชุมสภาธรรมนูญโลกยังได้มีมติแต่งตั้งให้ท่านเป็นทูตสันติภาพต่อไป
จะเห็นได้ว่าการทำงานเพื่อสันติภาพของมวลมนุษย์นั้น เต็มไปด้วยขวากหนามเสมอไม่ว่าจะยุคสมัยใดแต่การฟันฝ่าเพื่อให้ถึงเส้นชัยนั้นก็จะเป็นการพิสูจน์จิตใจและศรัทธาที่คงมั่น อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นตัวอย่างของผู้สละตนเพื่อความสุขของผู้อื่นอย่างแท้จริง เมื่อเราได้ศึกษาถึงชีวิตของท่าน การดำเนินงานเพื่อคนอื่นของท่านจะทำให้รู้สึกได้ถึงความหวังและพลังใจอย่างประหลาด ผมเชื่อแน่ว่าโลกยังมีความหวังเสมอหากคนเรายังมีจิตใจแห่งความเสียสละและให้อภัยกัน สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนเราเข้าถึงสัจจะอันแท้จริงของการมีชีวิตนั่นเอง