ความต้องการของฟ้า มหาเมตตาของมิตรจากแดนไกลและการไปประชุมสภามังสวิรัติโลกครั้งที่ 24
- Details
- Category: บทความประวัติศาสตร์
- Published on Tuesday, 30 July 2013 08:59
- Written by Super User
- Hits: 4184
บทความสวรรค์รำลึก
ตอน ความต้องการของฟ้า มหาเมตตาของมิตรจากแดนไกลและการไปประชุมสภามังสวิรัติโลกครั้งที่ 24
“ทุกสิ่งทุกอย่างมนุษย์เราคิดกันได้ แต่ความสำเร็จอยู่ที่พระเจ้า” ข้อความนี้เป็นคำสะดุดตาเมื่อครั้งที่ผู้เขียนได้เข้ามาศึกษา เรื่องราวของสำนักปู่สวรรค์ใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ก็ได้ใช้เวลาพินิจพิเคราะห์ตลอดจน สายธารแห่งเวลาชีวิตทำให้เราได้พบเจอประสบการณ์ชีวิตในมิติต่างๆมากมาย ทั้งสมหวังและพลาดหวัง ทำให้เข้าซึ้งว่าไม่มีสิ่งใดที่เราหวังจะเป็นจริงได้ดังหวังทุกเรื่องเสมอไป มีคติของชาวจีนในสมัยโบราณมักกล่าวถึง “ชะตาฟ้าลิขิต” ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นสิ่งที่ฟ้ากำหนดไว้ ในเรื่องของชะตาฟ้ากำหนด บทความสวรรค์รำลึกในเดือนพฤศจิกายนนี้ขอนำท่านผู้อ่านย้อนรำลึกถึงเรื่องราวเป็นอาจเป็นความประสงค์ของฟ้าที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๐
ทูตสันติภาพต้อนรับคณะของพระศาสดาซิกข์นามธารีที่สำนักปู่สวรรค์
ความประสงค์ของฟ้า
ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ ขณะนั้นสำนักปู่สวรรค์กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินการสร้างภราดรภาพทางศาสนาเพื่อกรุยทางไปสู่การจัดประชุมสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์ ขณะนั้นอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ นายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ เจ้าสำนักปู่สวรรค์มีอายุ ๓๕ ปี กำลังดำเนินงานอย่างแข็งขันในการทำงานตามพระบัญชาของท่านบรมครูสำนักปู่สวรรค์ในเรื่องการสร้างสันติภาพและความปรองดองทางศาสนาในโลกมนุษย์
วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๐ สำนักปู่สวรรค์ได้ต้อนรับอาคันตุกะผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งที่มาเยือนสำนักปู่สวรรค์พร้อมด้วยคณะอีก ๑๒ ท่าน พระนามของอาคันตุกะผู้สูงศักดิ์นี้ คือท่านพระศาสดา ศรีสัตคุรุ ยักยิต ซิงห์ ยี มหาราช ประมุขแห่งศาสนาซิกข์นิกายนามธารี ท่านเสด็จมาจากแคว้นปัญจาบประเทศอินเดีย เพื่อมาเยือนและสนทนาในเรื่องบางประการกับ อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ บรรยากาศการสนทนาในครั้งนั้นเป็นที่จดจำ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
เหตุผลหนึ่งที่พระศาสดา ศรีสัตคุรุ ยักยิต ซิงห์ ยี มหาราช เสด็จมาในครั้งนี้สืบเนื่องจาก พระองค์ทรงเป็นนักบำเพ็ญสมาธิและมีฌานญาณกล้าแข็งมาก วันหนึ่งในขณะที่พระองค์ทรงเข้าสมาธิได้ทรงทราบจากพระญาณว่า “ ทูตสันติภาพเกิดแล้วและกำลังดำเนินงานอยู่ในประเทศไทย” พระองค์จึงทรงให้ลูกศิษย์ของท่านในเมืองไทยสืบเสาะค้นหาบุคคลตามที่ทรงทราบจากพระญาณ จนพบว่าคนที่ท่านต้องการหาคือ อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์เจ้าสำนักปู่สวรรค์ เมื่อพระองค์เสด็จมาเยี่ยมสานุศิษย์ของท่านในประเทศไทยจึงถือโอกาสมาเยือนถิ่นพำนักของอาจารย์สุชาติ ที่สำนักปู่สวรรค์ด้วยพระองค์เอง เมื่อพระศาสดาได้ทรงสนทนากับอาจารย์สุชาติ แล้วก็ทรงแน่พระทัยว่าคนหนุ่มผู้นี้คือคนที่พระองค์ตามหาอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นที่แน่พระทัยดังนั้นแล้วพระศาสดา จึงเชิญให้อาจารย์สุชาติ ไปเยี่ยมเมืองศาสนาของซิกข์นิกายนามธารีที่ประเทศอินเดีย และเชิญให้เข้าร่วมประชุมสภามังสวิรัติแห่งโลกครั้งที่ ๒๔ ด้วย จากนั้นอีกสองสัปดาห์มีหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการให้อาจารย์สุชาติ เข้าร่วมประชุมดังกล่าว พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์ (อดีตเลขาธิการสมาคมศาสนาสัมพันธ์) บันทึกถึงเรื่องนี้ไว้ว่า เมื่อเป็นที่ตกลงใจแล้ว ก็ได้จัดคณะธรรมทูตประกอบด้วย อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ นายกสมาคมศาสนสัมพันธ์, ท่านเจ้าคุณพระเทพโสภณ(ขณะนั้นท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ และเจ้าคณะภาค ๑๔ ) ,คุณปรีชา ชุ่มใจ ,คุณเมธี เรืองอุตมานันท์, คุณสุภาวดี ธิดาเทพพรหม ,คุณสุขเกษม บุญยินดี และ พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์( เลขาธิการสมาคมศาสนาสัมพันธ์ในขณะนั้น)
เมื่อจัดคณะเรียบร้อยแล้วตกลงจะเดินทางกันในวันที่ ๑๘ เดือนพฤศจิกายน ในวันที่ ๑๔ พ.ย.๒๕๒๐ อาจารย์สุชาติ พร้อมด้วยเจ้าคุณพระเทพโสภณและคณะได้พากันไปเฝ้ากราบทูลสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รายงานเรื่องที่เดินทางไปอินเดียในครั้งนี้ เนื่องด้วยสมเด็จพระสังฆราชได้ทรงสนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมศาสนาสัมพันธ์และประทานพระเมตตาแก่คณะธรรมทูตตลอดมา
วันที่ ๑๗ พ.ย. ๒๕๒๐ ก่อนเดินทางหนึ่งวัน อาจารย์สุชาติ และคณะได้เข้าพบ ฯพณฯเค.แอล.ดาลัล ( K.L.Dalal ) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันพอสมควร เนื่องจากท่านทูตอินเดียมีความสนใจ ในการดำเนินงานของคณะธรรมทูต และประสงค์จะพบกับคณะก่อนเดินทาง
วันที่ ๑๘ พ.ย.๒๕๒๐ เป็นวันออกเดินทางของคณะธรรมทูต มีสานุศิษย์ของสำนักปู่สวรรค์และประชาชนชาวซิกข์ นามธารีจำนวนมากมาส่งที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ อาจารย์สุชาติได้กล่าวปราศัยต่อคณะผู้มาส่งโดยเน้นย้ำถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางของคณะธรรมทูตดังนี้ “ โลกจะเกิดสันติสุข ก็เกิดจากพวกเราที่เป็นผู้นำศาสนาพยายามที่จะแผ่เมตตาธรรมเข้าสู่จิตใจมนุษย์ พยายามเรียกร้องที่จะให้มนุษย์เลิกเข่นฆ่ากันและเรียกร้องให้มนุษย์อย่าเห็นแก่ตัว”
ประชุมมังสวิรัติโลก
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๐ เป็นวันเปิดการประชุม คุณปรีชา ชุ่มใจบันทึกไว้ว่า คณะกรรมการการประชุมจัดให้ผู้แทนประเทศไทยอยู่แถวที่สองรองจากแถวหน้าสุด แต่ที่สำคัญคือ เขาเชิญอาจารย์สุชาติไปนั่งอยู่ที่โต๊ะของประธานที่ประชุม ซึ่งมีที่นั่งอยู่เพียง ๘ ที่เท่านั้น คุณปรีชา บันทึกไว้ต่อว่า “ ในขณะนั้นก็ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุไรจึงเชิญอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ไปนั่งในที่มีเกียรติเช่นนั้น ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะในขณะนั้น ผู้แทนประเทศไทย(อาจารย์สุชาติ) ขังไม่มีตำแหน่งใดๆ ยังไม่ได้เป็นแม้แต่สมาชิกของสหภาพมังสวิรัติสากล” ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ หรืออาจเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าเบื้องบนอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดรายนามของโต๊ะประธานทั้ง๘ท่านก็ปรากฏดังนี้
๑.ดร.กอร์ดอน แล็ตโต ประธานสหภาพมังสวิรัติสากล
๒.นางรัคมินี เทวี อรุณดาเล
๓.ฯพณฯศรีประภูทาส ปัทวารี ผู้ว่าราชการรัฐทมิฬ
๔.ศรีวิศนุ หะรี ดาลเมีย ประธานกรรมการจัดต้อนรับกรุงเดลี
๕.พระศาสดา ศรีสัตคุรุ ยักยิต ซิงห์ ยี มหาราช ประมุขแห่งศาสนาซิกข์นามธารี
๖.อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ นายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์
๗.ศรีเคทารนาท สะหานี ผู้ว่าการรัฐกรุงเดลี
๘.สวามี สัจฉิทะ นันทะ ยี มหาราช แห่งสถาบันโยคะประยุกต์ รัฐคอนเน็คติคัต สหรัฐอเมริกา
ในพิธีเปิดการประชุม เปิดโอกาสให้ประธานและผู้แทนของแต่ละประเทศขึ้นกล่าวปราศรัยสั้นๆ อาจารย์สุชาติ ในฐานะผู้แทนของประเทศไทยได้ขึ้นกล่าวกับที่ประชุมว่า
“…ในครั้งนั้นก็เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากท่านศาสดาแห่งศาสนาซิกข์นิกายนามธารี ซึ่งข้าพเจ้าเห็นด้วยกับองค์ท่านที่ตรัสว่า สันติภาพจะเกิดขึ้นต้องให้มนุษย์ทั่วโลกอย่ารับประทานเนื้อสัตว์ การที่โลกเกิดความวุ่นวายขึ้นนั้น ก็เพราะมนุษย์รับประทานเนื้อสัตว์ จึงทำให้เกิดการเข่นฆ่ากันขึ้น เพราะฉะนั้นสันติสุขจะเกิดขึ้นก็ต้องปฏิบัติตามหลักศาสนาของแต่ละศาสนา คือละเว้นจากการเบียดเบียนคนและเบียดเบียนสัตว์”
วันจันทร์ที่ ๒๑ พ.ย.๒๕๒๐ ที่ประชุมแถลงกิจการมังสวิรัติในประเทศของตน อาจารย์สุชาติ ได้รับเชิญให้ขึ้นไปแถลงเป็นภาษาไทย โดยมีคุณปรีชา ชุ่มใจ แปลเป็นภาษาอังกฤษ ทุกครั้งที่อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ขึ้นกล่าวปราศรัยในที่ใดๆก็ตาม จะเป็นการกล่าวสดไม่มีการเตรียมข้อความที่จะพูดไว้ก่อน แสดงถึงอัจฉริยภาพ และความจริงใจ ภูมิรู้ ของท่านได้เป็นอย่างดี ในการแถลงครั้งนั้นมีถ้อยความที่ทำให้ที่ประชุมเกิดความประทับใจถึงกับประธานในที่ประชุม ดร.กอร์ดอน แล็ตโต ยืนขึ้นปรบมือ ผู้ร่วมประชุมปรบมือให้เกียรติอย่างยิ่งดังนี้
“ในเรื่องที่เราจะให้คนมารับประทานอาหารมังสวิรัตินั้น เราต้องพยายามทำต่อไป ขอให้ทุกคนถือว่า กิจการนี้เป็นกิจการที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ เราอย่าทำแต่เฉพาะตัวเราเท่านั้น เราจะทำอย่างไรให้คนอื่นรับประทานอาหารมังสวิรัติด้วย นั่นควรจะเป็นเป้าหมายของสภานี้”
นอกจากนั้นท่านยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “….ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นน้องใหม่ ในสภานี้แต่เมื่อมีโอกาสมาพูดให้ท่านฟังแล้ว ข้าพเจ้าหวังว่าสภานี้คงจะรับเราเป็นสมาชิกต่อไปและในอนาคตข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าจะจัดประชุมขึ้นในประเทศไทย นั่นคือความฝันของข้าพเจ้า”
วันอังคารที่ ๒๓ พ.ย.๒๕๒๐ วันสุดท้ายของการประชุมอาจารย์สุชาติ โกศลกิตวงศ์ ได้รับการยกย่องจากพระศาสดาศรีสัตคุรุ ยักยิต ซิงห์ ยี มหาราช ให้ขึ้นกล่าวปราศรัยเป็นคนแรก ช่วงประวัติศาสตร์ช่วงนี้ พล.ต.ต.ภิบูลย์ ภาษวัธน์ ได้บันทึกคำกล่าวสำคัญของอาจารย์สาติ ไว้ดังนี้
“..โลกทุวันนี้ เกิดความวุ่นวายไม่มีสันติภาพ เพราะมนุษย์ไปกินเนื้อสัตว์ สัตว์บางชนิดอาจเป็น พ่อ แม่ เรามาเกิด สัตว์บางชนิดอาจเป็นเทพพรหมมาเกิด เพราะฉะนั้นถ้าเราไปกินสิ่งเหล่านี้ลงไป เขามีความอาฆาตเรา จึงทำให้วิญญาณแห่งความอาฆาตนั้นฝังเข้าสู่จิตใจจองเรา
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนความเห็นของพระศาสดา ที่ว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้นั้น ไม่ใช่อยู่แค่การกินอาหารมังสวิรัติ เราจะต้องทำให้มนุษย์ถึงพระเจ้า คือในด้านจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นศาสนาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งและการกินอาหารมังสวิรัติ ก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง”
นอกจากภารกิจการเข้าร่วมประชุมสภามังสวิรัติโลกในครั้งนี้แล้ว คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ยังได้ใช้โอกาสในการมาอินเดียครั้งนี้ดำเนินงานด้านการส่งเสริมภราดรภาพระหว่างศาสนาอีก ๓ เรื่องด้วยกันดังนี้
๑.วันที่ ๒๒ พ.ย.๒๕๒๐ เข้าพบ ฯพณฯท่าน ศรี โมราจิ เดซาย (Shri Moraji Desai ) นายกรัฐมนตรีอินเดีย เพื่อมอบสันติเจดีย์จำลองที่ได้ทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว จำนวน ๑ องค์ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความสัมพันธ์อันดีระหว่างศาสนาพุทธและฮินดู
๒.วันที่ ๒๕ พ.ย.๒๕๒๐ อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์และคณะธรรมทูตเดินทางไปยังเมืองของพระศาสดาซิกข์นามธารี ที่แคว้นปัญจาบ และได้ทำพิธีมอบพระตรัยปิฎก ฉบับภาษาไทย เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชาวพุทธและชาวซิกข์นามธารี ณ หอประชุมของเมือง
นอกจากนี้ยังได้ถวายพระรูปของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชวัดราชบพิธ แด่พระศาสดา เป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาสัมพันธ์ระหว่างพุทธศาสนากับศาสนาซิกข์นิกายนามธารีอีกส่วนหนึ่งด้วย
คณะธรรมทูตเดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๖ พ.ย.๒๕๒๐ นับเป็นการเดินทางที่สำคัญและเป็นงานที่เหมาะเจาะลงตัวตามเวลาอย่างมหัศจรรย์ พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์ กล่าวไว้ในหนังสือ “ศาสนาสัมพันธ์ในอดีต” ว่า
“พระเจ้าให้พระศาสดาและอาจารย์สุชาติ โกศลกิตติวงศ์ ได้พบกัน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นการเรียกว่างานของพระเจ้า หรือพระเจ้าทำงาน เราเชื่อพระเจ้า งานก็สำเร็จตามเป้าหมาย”
คำพูดติดปากเราอยู่เสมอว่า “อดีตคือความฝัน” ยังเป็นคำที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๐ นี้ ถ้าเป็นความฝันก็เป็นฝันที่ดีมาก เป็นความฝันที่จะทำให้เกิดสันติสุขจากการไม่เบียดเบียนกัน และสันติสุขจากการที่โลกของเรามีภราดรภาพทางศาสนา เป็นมิตรแท้ที่มาจากใจ นี่กระมังที่พระเจ้าเบื้องบนทรงปรารถนาให้เกิดขึ้นในโลกมนุษย์
บทความสวรรค์รำลึกเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕
เอกสารประกอบการเขียน :
๑.เกหลง พานิช “ มันสมองของโลกที่ถูกมองข้าม ”
๒.พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์ “ศาสนาสัมพันธ์ในอดีต” โครงการธรรมไมตรีจัดพิมพ์
๓.พล.ต.ต.ภิบูลย์ ภาษวัธน์ “คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์แห่งโลก อัญเชิญพระไตรปิฎกกลับสู่ชมพูทวีปและเข้าร่วมประชุมสภามังสวิรัติ” สมาคมศาสนาสัมพันธ์จัดพิมพ์