E-book สวรรค์รำลึก

รำลึกศึกษา

ศึกษาประวัติของหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต

ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก

เยี่ยมชมเรา

สื่อมงคลสำนักปู่สวรรค์

สิ่งดีที่ฝากไว้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ความรู้ทางวิญญาณ จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพยนต์รำลึก

ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์และสื่อเพื่อการศึกษาค้นคว้า

หลวงปู่-กฎแห่งอนัตตา

o-wat-loungpoo

กฎแห่งอนัตตา

ชีวิตสัตว์โลกเป็นอนิจจัง แต่ละคนที่เกิดมาเป็นสัตว์ประเสริฐนี้ ถ้าจะนับว่าเป็นกุศลก็เป็นกุศล จะนับว่าเป็นอกุศลก็เป็นอกุศล เพราะว่า กุศลนั้นหมายถึง เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ที่เรียกว่าสัตว์ประเสริฐนี้มีหนทางฝึกฝนด้านบำเพ็ญฌาน การบำเพ็ญญาณก็เพื่อไปสู่โลกแห่งควาหลุดพ้นคือ โลกุตรฌานหรือสำเร็จเป็นพรหมเบื้องสูง ที่ว่าเป็นอกุศลก็คือ มนุษย์บางจำพวกไม่ใช้สมองให้เป็นประโยชน์ แล้วก็เหลิงในการภาวะกรรมที่ตนครอบครอง หลงในเกียรติที่สมมุติ หลงในยศถาบรรดาศักดิ์ที่โกหกกัน

เมื่อมนุษย์แบกสิ่งโกหกอยู่ในตัว คิดว่านั่นคือความเจริญและเป็นสิ่งสำคัญ มนุษย์ผู้นั้นก็ตกอยู่ในกองทุกข์ เพราะเมื่อท่านได้เกียรติที่คนโกหกให้ท่านมีเกียรติ ท่านต้องทำทุกวิถีทางที่จะต้องโกหกตัวเองเพื่อรักษาคำว่า “มีเกียรติ” ไว้ นี่คือทุกข์ นี่คืออกุศล และเกียรติเป็นสิ่งพอกพูนให้ร่างกายของท่านเกิดความหนักอกหนักใจกับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง เมื่อท่านตกอยู่ในภาวะที่มีเกียรติ ท่านมีทุกข์มากในการวางตัว ในการอยู่ในสังคม ในการเข้าหมู่คณะ

ทีนี้มนุษย์บางจำพวกที่หลงในเกียรติจนลืมตน ถือว่าตนเป็นผู้มีอำนาจ คิดว่าจะไม่ตาย เมื่อคิดว่าตัวไม่ตาย ก็เกิดอัตตาทิฐิในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็เกิดกรรมวิบากขนาดหนักกับมนุษย์ผู้นั้น เมื่อถึงวาระถึงคราวดวงตก ก็อยู่ในอกุศลวิบาก เกิดความทุกข์มากขึ้น ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนไว้ว่า ทุกอย่างในโลกนี้เป็นอนิจจัง อนัตตา ถ้าท่านจะมีความสุขที่สุด ท่านต้องพยายามเป็นผู้ไม่มีเกียรติ ไม่ยึดเกียรติและไม่หลงเกียรติ เพราะสิ่งที่เป็นความสุขอันแท้จริงนั้นคือ “นามธรรม” แต่มนุษย์ไม่พยายามคิดค้นในด้านนามธรรม มนุษย์คิดหลงอยู่ในด้านวัตถุธรรม จึงคิดความประมาท เมื่อเกิดความประมาทขึ้น สิ่งที่ท่านติดว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้

มนุษย์บางจำพวกมีอัตตาทิฐิ เกิดอารมณ์ ถืออารมณ์ของตัวเป็นใหญ่ จึงไม่มี “ขันติ” ขันตินำความสุขมาให้ท่านได้ ขันติคือความอดทน อดทนต่อคำพูดของมนุษย์ทั้งดีและชั่ว ก็จะนำความสงบมาให้ท่านได้ แต่ถ้าท่านไม่มีขันติ ท่านหลงในอัตตา ท่านยึดในตัวตน ท่านก็เกิดความทุกข์ ดังตัวอย่างเช่น คนที่ด่าท่านเขาด่าด้วยโทสะครอบงำ เขาจึงด่าท่าน แต่ท่านถูกตัวโมหะครอบงำท่าน ทำให้ท่านเกิดปฏิกิริยาขึ้น เรียกว่า “ตัวหลง” ภาวะนี้ก็จะสามารถทำให้หลงในสิ่งที่เรียกว่า “จุดเล็กไปจุดใหญ่กับฝ่ายตรงข้าม”

ในขณะนี้สังคมมนุษย์ตกอยู่ในภาวะที่ทุกเหล่าล้วนแต่ถูกตัวโทสะ โมหะครอบงำ เมื่อทุกเหล่าถูกตัว โทสะโมหะครอบงำ ความยุติธรรมในสังคมมนุษย์ย่อมไม่มี แต่ความยุติธรรมและสัจธรรมในอีกโลกหนึ่งคือ “โลกวิญญาณ” โลกวิญญาณไม่มีคำว่าญาติ ไม่มีคำว่ามิตร โลกวิญญาณมีศูนย์รวมกรรม ใครสร้างกรรมดีก็จะเสวยกรรมดีนั้นๆ ใครสร้างกรรมชั่วก็จะเสวยในกรรมชั่วนั้นๆ

ฉะนั้น ในฐานะที่ท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์ ที่เรียกว่ากุศลส่งให้เกิดก็ได้ อกุศลส่งให้เกิดก็ได้ จงพยายามระลึกถึงพุทธพจน์ ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทแล้วก็ตั้งตนอยู่ใน“ตนนั้นแหล่เป็นที่พึ่งแห่งตน” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนี้แหล่เป็นจุดสำคัญที่ช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากวัฏฏได้ ทำไมพระพุทธองค์จึงตรัสว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเล่า” เพราะวาระสังขารได้สิ่งปฏิกูลบำรุงปฏิกูลเพื่อใช้ขันธ์อยู่ให้จิตวิญญาณมาใช้กรรม ถ้าท่านมีเพื่อนมีหมู่คณะที่รักท่าน เอาข้าวมาให้ท่านถึงหน้าแต่ท่านไม่ยอมอ้าปากข้าวนั้นก็เข้าปากท่านไม่ได้ “นี่แหละคือความจริงที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เริ่มแสดงให้ท่านเห็น ถ้ามีเพื่อนใจดีงัดปากกรอกข้าวใส่ปากท่าน แต่อวัยวะของท่านไม่ยอมช่วยตนเอง คือ ไม่ยอมกลืน เมื่อถึงภาวะนี้ก็ไม่มีใครช่วยท่านได้อีกแล้ว

ในขณะนี้ทุกอย่างในโลกมนุษย์กำลังเข้าสู่ความสลาย กำลังเข้าสู่หายนะ ท่านที่ได้อ่านธรรมะนี้ ขอให้ท่านจงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และขอให้ทุกคนจงพยายามทำ “สติปัญญา” ให้ดีเข้มแข็ง ต้อนรับสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ ส่วนตัวของท่านให้เข้าซึ่งถึงกฎแห่งอนัตตาคือ ทุกอย่างต้องสลาย เมื่อมีเกิดขึ้นก็ต้องมีสลาย

เจริญพร

Contribute!
Books!
Shop!