E-book สวรรค์รำลึก

รำลึกศึกษา

ศึกษาประวัติของหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต

ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก

เยี่ยมชมเรา

สื่อมงคลสำนักปู่สวรรค์

สิ่งดีที่ฝากไว้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ความรู้ทางวิญญาณ จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพยนต์รำลึก

ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์และสื่อเพื่อการศึกษาค้นคว้า

สมเด็จโต-การฝึกจิต และความละเอียดของวิญญาณโดยสังเขป

สมเด็จโต

การฝึกจิต และความละเอียดของวิญญาณโดยสังเขป

โอวาทธรรมของ หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี  (ลงในหนังสือพิมพ์ ไทยเดลี่ ฉบับวันที่ ๒ สิงหาคม  พ.ศ.๒๕๑๔)

                ในหลักการฝึกจิต ต้องเข้าใจว่าการนั่งวิปัสสนากรรมฐานนั้น ต้องมีหลักวิริยะและอุตสาหะในการปฏิบัติตนโดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งผูกพันทั้งหลาย ที่เป็นการกีดขวางทางไปสู่ความนิ่งของจิต เพราะเมื่อเรามีสิ่งกีดขวาง กังวล เรามีสิ่งอยาก จิตย่อมไม่สงบ นี่คือหลักแห่งธรรมชาติของการฝึกจิต การสู่แดนนิพพานนั้น จะต้องละเว้นจากทิฐิ มานะ ทั้งในสัมมาทิฐิและอัตตาทิฐิ การตั้งตนอยู่ในการรู้รสพระนิพพานนั้น จะต้องไม่ยึดมั่นในสิ่งใดที่เป็นอารมณ์ จิตจึงจะสามารถเข้าสู่กระแสพระนิพพาน นี่คือหลักของการปฏิบัติเพื่อเข้าสู่แดนโพธิสัตว์ แดนอรหันต์ แดนพรหมสุทธาวาส แดนอนาคามี หรือแดนโสดาปัตติมรรคบนสวรรค์

                ในหลักแห่งการเป็นอยู่ของเทพพรหมทั้งหลายนั้น เขาแบ่งเป็นหมู่ เป็นกลุ่มเป็นชั้น โดยเฉพาะเทพพรหมเขาอยู่ด้วยการเคารพในความอาวุโสแห่งการอยู่ในพรหมโลก เทวโลก ยมโลก มีกฎแห่งความจริงอยู่หลักหนึ่งคือ เทพเจ้าชั้นสูงจะปรากฏกายให้มนุษย์เห็นนั้นยากเต็มที เพราะว่าเทพเจ้าชั้นสูงส่วนมากละลายกายทิพย์แล้ว เหลือแต่จิตวิญาณ จิตวิญญาณนี้เล็กยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ในที่นี้ก็มีนักวิทยาศาสตร์นั่งอยู่หลายคน อาตมากล้าพูดว่า ท่านค้นคว้าเห็นหน้าเห็นตาอะไรมามากแล้ว แต่มีหน้าตาหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวท่าน แต่ท่านยังไม่เคยเห็น ก็คือหน้าตาของ ลม ใช่หรือไม่ (ในที่ประชุมไม่มีใครตอบ หลวงพ่อสมเด็จฯจึงเทศน์ต่อไป….)

                จิตวิญญาณเคลื่อนไปเสมือนหนึ่ง กระแสลมโชยถูกตัวท่านฉันใดก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้นนักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าทั้งหลายในโลกมนุษย์ ควรจะค้นคว้าเอาหน้าตาของลมออกมาให้มนุษย์เห็นกันก่อน แล้วท่านค่อยมาปฏิเสธเรื่องวิญญาณ และสิ่งลี้ลับของธรรมชาติที่มีอยู่ในโลกนี้อีกมากมาย

                อีกปัญหาหนึ่ง เกี่ยวกับวิญญาณที่มาปรากฏร่างให้มนุษย์เห็นนั้นก็คือ

๑.วิญญาณนั้นจะต้องมีกรรมพัวพัน กับมนุษย์ที่เห็น

๒.จิตวิญญาณของวิญญาณผู้นั้น นามนั้น จะต้องมีกระแสแห่งความจดจ่อ เขาเรียกว่า ข้อง คือไม่ยอมละจากบุคคลนั้นๆ เมื่อข้องอยู่มาก วิญญาณจะใช้พลังแห่งการรวมของกายหยาบรวมเป็นรูปร่าง เป็นตัวจริงปรากฏให้เห็นบางครั้งก็ได้ แต่ถ้าวิญญาณนั้นไม่ได้ฝึกฝนด้านวิปัสสนาญาณแล้ว ถ้ารวมตัวให้มนุษย์เห็นหนึ่งครั้งแล้ว วิญญาณนั้นต้องพักฟื้นระยะหนึ่ง เพราะใช้พลังมากเกินควร

                เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ โดยหลักแห่งความจริงเรื่องของ เทพพรหมมีความเป็นอยู่อย่างไร กระแสจิตแห่งวิญญาณมีไหม อันนี้โลกวิญญาณกำลังประชุมวางแผนอยู่ ถ้ามีมนุษย์ที่เอาจริง และมีบุคคลที่ต้องการทำงาน มาร่วมมือกับอาตมา เราจะต้องนำสิ่งลี้ลับอันนี้ออกมาสู่สายตามนุษย์จนได้ เพื่อให้มนุษย์ละจากบาปแห่งความโลภ ละจากบาปแห่งความหลงและละจากบาปแห่งความโกรธ ธรรมชาติสร้างพืชพันธุ์ให้พอกินสำหรับมนุษย์ที่เกิดมา มนุษย์จะไม่อดอยาก ถ้ามนุษย์บางเหล่าไม่เก็บ ไม่สะสม ไม่ยึดเกินควร คือถ้ามนุษย์ทุกคน เข้าซึ้งถึงสัจจะแห่งความจริงว่า “เกิดมาไม่มีอะไร ตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ และตายไปแล้วไม่สูญ”

อาตมาคิดว่าถ้าเราใช้ธรรมของธรรมะ หรือหลักความจริงนี้ ตีแผ่เข้าไป ในหมู่ชนชั้นที่มีตัวโลภะครอบงำมากแล้วไซร้ โลกมนุษย์นี้คงจะน่าอยู่กว่าปัจจุบัน

                แต่ทุกวันนี้โลกมนุษย์ยุ่งเหยิงศีลธรรมประจำใจมนุษย์เสื่อม เพราะว่ามนุษย์พยายามจับความผิดคนอื่น เพราะมนุษย์ไม่พิจารณาตัวเอง ไม่รับความผิดของตัวเอง มนุษย์ทุกวันนี้ถูกวัตถุครอบงำ มนุษย์ทุกวันนี้ไม่สนใจกับ ตน จึงทำให้โลกทุกวันนี้ปั่นป่วน ความสงบในโลกมนุษย์ไม่มี ความร้อนยิ่งทวีคูณขึ้นเพราะฉะนั้น อาตมาจึงฝากเอาไว้ว่า จะทำอย่างไรจึงจะช่วยเหล่ามนุษย์ทั้งหลายให้เดินถูกทางเล่า อันนี้ฝากให้เหล่ามนุษย์ทั้งหลายไปพิจารณากัน

บทความเว็บสวรรค์รำลึก www.poosawan.org

Contribute!
Books!
Shop!