เริ่มชีวิตหุบผาสวรรค์
- Details
- Category: บทความประวัติศาสตร์
- Published on Saturday, 13 December 2014 16:26
- Written by Super User
- Hits: 8056
เริ่มชีวิตหุบผาสวรรค์
ตัดตอนมาจากหนังสือ “คนไทย ผู้ทำงานใหญ่ยิ่งให้มนุษยโลก” เกหลง พานิชและคณะ รวบรวม
อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้รับฉายานักบุญนักบู๊ในยุคบุกเบิกหุบผาสวรรค์
ในปี พ.ศ.๒๕๑๓ อาจารย์สุชาติ อายุได้ ๒๗ ปี มีสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์คนหนึ่งชื่อฮ้อ บวชเณรเพื่อแก้บน พอบวชได้ ๗ วัน การก่อสร้างสำนักปู่สวรรค์ยังไม่เสร็จ ท่านบรมครูมีบัญชาให้เณรฮ้อไปบำเพ็ญที่ในป่า ให้ไปปากท่อ จังหวัดราชบุรี ไปอยู่กับอาจารย์สุชาติ ทั้งที่อาจารย์สุชาติก็ยังไม่ทราบว่าที่ ที่ท่านบรมครูจะให้ไปอยู่นั้น อยู่ที่ไหน แต่ด้วยความศรัทธาและความเคารพท่านบรมครูก็ทำตามพระบัญชา โดยไปจังหวัดราชบุรีแล้วเที่ยวหาที่เพื่ออยู่
ก่อนไปท่านให้ซื้อสุนัขไปตัวหนึ่ง เรียก “ไอ้เสือ” เอาไปเป็นเพื่อน ไปตามทางที่ท่านเบื้องบนบอก ถึงตำบลดอนทราย เทือกเขาเสือหมอบ ไปพบหลวงตาแล่ม มีกุฏิอยู่หน้าถ้ำ หลวงตาแล่มบอกว่า “เมื่อคืนฝันว่ามีคนนุ่งขาวห่มขาวมา” อาจารย์สุชาติบอกขอพักอยู่ด้วย ท่านให้พักในถ้ำทะลุ
ท่านบรมครูทรงสั่งไว้ว่าให้อยู่ที่นั่นเฉยๆ ๓ ปี โดยไม่แสดงว่าเป็นใคร เกิดเหตุจากวัวของนายผลป่วย ไถนาไม่ได้ ไม่มีเงิน แกจึงมาขอให้เณรฮ้อไปช่วย ตอนนั้นเณรฮ้อกำลังจะบวชพระ เณรฮ้อก็เอาน้ำมนต์ของสำนักปู่สวรรค์ให้วัวกิน วันรุ่งขึ้นวัวก็ถ่ายเหลวออกมาแล้วหายป่วย ไถนาได้ เณร “ดัง” ขึ้นมาแล้ว เวลาไปไหนอาจารย์สุชาติก็ติดตามไปอย่างเป็นลูกศิษย์เณร
ถ้ำสิงห์มงคลบุญบำรุง ถ้ำอาถรรพณ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้ลงพลังปลุกเสกผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช
ผ่านมา ๑ ปี ตามปกติอาจารย์สุชาติ ไปนั่งสมาธิที่ถ้ำสิงห์มงคลบุญบำรุงเป็นประจำ ยายพรชาวบ้านแถบนั้นมาด้อมๆมองๆ แล้วเล่าว่าถ้ำสิงห์มงคลบำรุงนี้มีพระภิกษุชื่อบุญเคยมาอยู่ แล้ววันหนึ่งท่านก็เรียกชาวบ้านมาประชุม บอกว่าท่านจะอยู่ที่นั่นอีกไม่ได้ จะต้องไป เจ้าของเขาจะมาแล้ว ยายพรนั่งฟังอยู่ด้วย ถามว่าเจ้าของเป็นใคร หลวงพ่อบุญบอกว่าเจ้าของไม่ใช่พระนะ เจ้าของเป็นเด็กหนุ่ม แต่อีกหน่อยตีนเขานี่จะมีแต่กุฏิพระ หลวงพ่อบุญจะต้องย้ายแล้ว แล้วท่านก็ย้ายไปอยู่ดาวคะนอง
ต่อมาเมื่ออาจารย์สุชาติสืบหาหลวงพ่อบุญก็ได้ทราบว่า หลวงพ่อบุญย้ายมาอยู่ได้ไม่กี่วันก็ถึงแก่มรณภาพ เมื่อยายพรเห็นอาจารย์สุชาติทำสมาธิทุกวันก็นึกถึงคำพูดของหลวงพ่อบุญจึงเสนออาจารย์สุชาติว่า “สร้างวัดที่นี่ดีกว่า” อาจารย์สุชาติตอบว่าไม่มีเงิน ยายพรบอกว่าจะขายที่ให้ ๑๕ ไร่ ไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท รวมเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ให้ผ่อนได้เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ตกลงซื้อ สานุศิษย์ช่วยบริจาคต่อมาได้สร้างตำหนักมิตรภาพลงบนพื้นที่แปลงนั้น
ระหว่างพักอยู่ที่เทือกเขาเสือหมอบ อาจารย์สุชาติได้สำรวจภูมิประเทศแถบนั้นไว้เพื่อจะได้ดำเนินงานต่อไป
ใครเป็นอาจารย์
เมื่อสามเณรฮ้อรักษาวัวของชาวบ้านหายป่วยก็เริ่มดังแล้ว ชาวบ้านเลยยึดเป็นที่พึ่ง ต่อมามีผู้หญิงที่หลังเขาถูกผีเข้า เขาก็มานิมนต์เณรไปไล่ผี สามเณรฮ้อชวนอาจารย์สุชาติไปด้วย สามเณรยืนหน้าคนไข้ เอาสายสิญจน์ขึ้นมาเสกอย่างตั้งในมาก ส่วนอาจารย์สุชาติยืนอยู่หลังคนไข้ ขณะนั้นคนข้าหันหลังหันมาไหว้อาจารย์อาจารย์สุชาติ พูดว่า “กลัวแล้วหลวงพ่อ ฉันจะไปแล้ว” สามีของผู้หญิงคนนั้นบอกภรรยาว่า “นั่นไม่ใช่อาจารย์ อาจารย์เณรอยู่ตรงนี้ กำลังเสกสายสิญจน์อยู่นี่”ผีบอกว่า “ไม่ใช่ อาจารย์ใหญ่อยู่ตรงนี้” พูดไปก็ไหว้ปลกๆ เรื่องก็เลยแตกว่าใครเป็นใคร ชื่อสุชาติเริ่มดังในตำบลดอนทรายแล้ว ยังไม่ถึง ๓ ปี ตามพระบัญชา
หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ในอดีต
เสือพุฒ
มีชาวบ้านแถวนั้นชื่อแดง พูดเป็นเชิงข่มขู่ว่า “ใครมาบุกเบิกก่อน” แถบนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อพุฒ ฤทธิ์เดช ชาวบ้านเรียกตามความประพฤติของเขาว่า “เสือพุฒ”
คืนหนึ่ง อาจารย์สุชาติ ได้ยินเสียงปืนยิงรอบหุบผาสวรรค์ รุ่งเช้าจึงถามชาวบ้านว่าเมื่อคืนมีเรื่องอะไรกัน ได้รับคำตอบว่า “เสือพุฒ ออกจากตะราง เขาฉลองกัน”
อาจารย์สุชาตินำสิ่งของและอุปกรณ์การเรียนไปมอบให้นักเรียนของโรงเรียนบ้านเขาถ้ำ จ.ราชบุรี
เมื่อสำนักปู่สวรรค์เอาของไปแจกนักเรียนในโรงเรียนบ้านเขาถ้ำ และให้โอวาท แจ้งอุดมการณ์ ๑๐ ประการของสำนักปู่สวรรค์ ปรากฏว่าเสือพุฒชอบอุดมการณ์ข้อที่ ๔ “ผดุงความเป็นธรรมของสังคม” เขาเล่าพฤติกรรมของข้าราชการบางคน เช่นเขามีหมูแม่ลูกอยู่ เมื่อข้าราชการมา เขาฆ่าลูกหมูทำอาหารเลี้ยง แต่ข้าราชบอกว่าให้ฆ่าแม่หมูทำอาหารเลี้ยงเขาด้วย เสือพุฒรู้สึกว่าราษฎรไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อเขาทราบว่าสำนักปู่สวรรค์ “ผดุงความเป็นธรรมของสังคม” เขาเกิดศรัทธาในสำนักปู่สวรรค์
เสือเชื่อหมา
วันหนึ่งอาจารย์สุชาติจะไปยังที่อยู่ของเสือพุฒ อาจารย์สุชาติ ถามชาวบ้านว่า บ้านเสือพุฒอยู่ที่ไหน แล้วก็เดินอย่างงงๆไปที่บ้านเสือพุฒ แลเห็นลูกน้องเสือพุฒนั่งเรียงกันเป็นแถว แล้วก็ถามออกไปอย่างงงๆว่า “ใครชื่อเสือพุฒวะ” แล้วบอกว่า “ถ้าไม่บวชจะตายโหงนะ จะบวชไหม? จะเป็นเจ้าภาพให้” เสือพุฒมองอาจารย์สุชาติอย่างประหลาดใจ อาจารย์สุชาติพูดต่อว่า “ถ้าคิดจะบวชก็มาคุยกันในหุบผา(สวรรค์)”
ต่อมาเมื่อเสือพุฒตกลงใจบวชแล้ว ได้เล่าให้อาจารย์สุชาติฟังว่า “วันนั้นพออาจารย์หันหลังกลับ ลูกน้องผมจะคว้าปืนยิงแล้ว แต่ผมคิดว่า อาจารย์เดินมาหาผมโดยไม่ได้พกปืนไป คนนี้ต้องมีอะไรดี” อาจารย์สุชาติถามว่าทำไมเสือพุฒคิดอย่างนั้น เสือพุฒตอบว่า “อาจารย์ต้องมีอะไรดี และเป็นคนดี” อาจารย์สุชาติถามว่า “ทำไมรู้” เสือพุฒเล่าว่า “ผมเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่ง เป็นหมาไทยธรรมดา เวลาตำรวจจะมาจับผมทีไร หมาตัวนี้จะมาสะกิดให้ผมหนี ผมก็หนีทุกครั้ง หมาตัวนี้ใครเข้าใกล้ไม่ได้ เข้ามามันจะกัดทันที แต่วันที่อาจารย์มา หมาตัวนี้ไม่เห่า ยังแถมหมอบลงแล้วกระดิกหางด้วย มันไม่เคยกระดิกหางอย่างนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรดี หมามันจึงแสดงอย่างนี้ จึงห้ามลูกน้องไม่ให้ยิง”
ภาพประวัติศาสตร์ เจ้าคุณพระราชญาณดิลก ทำพิธีอุปสมบทให้กับ นายพุฒ ฤทธิเดช ที่วัดปากท่อ
เสือพุฒบวช
ตกลงเสือพุฒจะบวช การบวชเสือเป็นเรื่องใหญ่ จึงไปนมัสการปรึกษาท่านเจ้าคุณพระราชญาณดิลกแห่งวัดเขาเต่า เจ้าคุณวัดเขาเต่าไม่กล้าบวช จึงไปขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับว่า “ถ้าเขาจะบวชก็บวช แต่ต้องอบรมนะ”ตกลงอุปสมบทที่วัดปากท่อ กลายเป็นว่าเริ่มต้นที่จะสร้างความไม่มีนิกาย พระอุปัชฌาจารย์เป็นพระธรรมยุต เจ้าคณะอำเภอปากท่อเป็นพระกรรมวาจาจารย์ เป็นพระมหานิกาย และอนุศาสนาจารย์ อีกองค์เป็นพระมหานิกาย แต่เจ้าคุณพระราชญาณดิลกท่านฉลาด พอบวชเสร็จท่านบอกว่าให้มหานิกายเป็นใหญ่
ตอนบวชเสือพุฒ พลตรีประสิทธิ์ ชื่นบุญ สานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ผู้หนึ่ง เป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง ๕ จึงขอให้โทรทัศน์ช่อง๕ ออกข่าวการบวชเสือพุฒด้วย
ระยะนั้นหุบผาสวรรค์ดังมากเพราะเอา “เสือ” มาบวชได้ ฝ่ายที่ไม่ชอบอาจารย์สุชาติ ก็ซื้อที่ล้อมเข้ามา ทางหุบผาสวรรค์ก็มีเด็กมาบวชเณรอีก ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งกฎให้สานุศิษย์บริโภคอาหารมังสวิรัติ พระ เณร บิณฑบาตได้อาหารไม่พอ
เสือพุฒมีลูกน้องคนหนึ่งชื่อเสือหง่า เมื่อเสือพุฒบวชแล้ว เสือหง่าก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ แล้วได้เป็นผู้ใหญ่บ้านด้วย อาจารย์สุชาติได้ทราบว่าเสือหง่าให้เด็กเอามีดไปแทงพระ อาจารย์สุชาติ ก็บุกไปหาเสือหง่า พูดว่า “เฮ้ย หง่า ทำไมให้เด็กไปแทงพระวะ เอาอย่างนี้ดีกว่า นายไม่พอใจอะไร นายกับเรามายิงกันดีกว่า เราให้นายยิงก่อน ๗ นัด” เสือหง่าบอกว่า “อาจารย์ ใจเย็นๆ...”
เวลาเสือหง่าเมาอาละวาดอยู่ที่ถนน พอมีคนบอกว่าอาจารย์สุชาติมา เสือหง่าก็หายเมาทันที ตอนนั้นมีสานุศิษย์เป็นทหารอยู่ ๓ คน ต้องคอยดูแลความปลอดภัย อาจารย์สุชาติบอกว่างานอย่างนี้ไม่ชอบ
ต่อมาท่านบรมครูมีบัญชาให้ทำสำนักหุบผาสวรรค์เป็นที่ปฏิบัติวิปัสสนา อาจารย์สุชาติจะต้องอยู่ที่สำนักปู่สวรรค์ รักษาคนไข้ วันจันทร์กลับไปหุบผาสวรรค์ เจริญกรรมฐาน ท่านเบื้องบนจะทำให้เป็นศูนย์กลางโลก แต่ยังไม่บอกสานุศิษย์ เมื่ออาจารย์สุชาติไปหุบผาสวรรค์ ก็นำอาหารไปให้ด้วย
เรื่องเตรียมปล้น
พระภิกษุพุฒเล่าว่าเมื่อจะเข้าปล้น จะต้องลงทุนส่งคนไปสืบว่าบ้านนี้มีปืนกี่กระบอก มีอะไรบ้าง ต้องทำพิธีบวงสรวง ดูยามดูฤกษ์มหาโจร ตกลงกันว่าจะไม่ฆ่าเจ้าทรัพย์ พระภิกษุพุฒบอกว่า ในสมัยนั้นเมื่อเที่ยวปล้นเขานั้น ยังไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ เพราะเคยฆ่าคนมาร้อยกว่าคนแล้วไม่เห็นมีอะไรปรากฏ
ต่อมาสามเณรฮ้อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระธรรมปิฎกซึ่งต่อมาเป็นสมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา กรุณาเป็นผู้บวชให้
อยู่มาคืนหนึ่ง เดือนมืด อาจารย์สุชาติถามพระภิกษุพุฒว่า “ท่านฆ่ากำนันฉ่ำแล้ว ท่านฝังอยู่ตรงไหน” ตอบว่า “ฝังอยู่ที่เจ็ดไร่” พื้นที่เจ็ดไร่ เป็นส่วนหนึ่งซึ่งสำนักหุบผาสวรรค์ซื้อไว้ ขณะนั้นเป็นที่รกชัฏ
เป็นอันว่าพระภิกษุฮ้อ พระภิกษุพุฒ กับอาจารย์สุชาติ ชวนกันไปที่เจ็ดไร่ เพื่อปลุกผีกำนันฉ่ำ ปลุกขึ้นมาได้จริงๆ เห็นเป็นเงาคนขึ้นมาจากทั่งศพลุกขึ้นมานั่ง คณะผู้ปลุกผีเห็นดังนั้น พระภิกษุพุฒวิ่งก่อน ภิกษุฮ้อวิ่งตาม เหลืออาจารย์สุชาติคนเดียว ก็เลยต้องวิ่งด้วย เลยไม่ได้เรื่อง
อวสานของเสือพุฒ
เสือพุฒอยู่ในสมณเพศได้ ๓ ปี ก็ต้องการจะลาสิกขา อาจารย์สุชาติสั่งว่า “ถ้าท่านสึกไปแล้วห้ามจับปืน”แล้วก็สึกไป แต่เมื่ออยู่ในฆราวาสวิสัย ก็มีอันต้องจับปืนอีก ไม่นานนักก็ถูกยิงตาย