รำลึก ๔๔ ปี การประดิษฐานองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย
- Details
- Category: บทความประวัติศาสตร์
- Published on Monday, 11 August 2014 07:24
- Written by Super User
- Hits: 5053
รำลึก ๔๔ ปี การประดิษฐานองค์สมมติ
พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย
องค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย ประดิษฐานหน้ามุขสำนักปู่สวรรค์
บทความสวรรค์รำลึก เดือนสิงหาคม ๒๕๕๗
เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่มีเรื่องราวให้จดจำและรำลึกอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องที่คิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในข่ายงานของสำนักปู่สวรรค์เรื่องหนึ่งที่อยากจะหยิบยกมานำเสนอในครั้งนี้ ก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย ที่ประดิษฐานตระหง่านอยู่ ณ หน้ามุขอาคารประวัติศาสตร์สำนักปู่สวรรค์ ในวันนี้
หลายท่านที่ติดตามศึกษางานของสำนักปู่สวรรค์มาอย่างต่อเนื่องคงจะได้ยินคำว่า “องค์สมมติ”กันบ่อยๆ ปัญหานี้ท่านบรมครูของสำนักปู่สวรรค์ ท่านมีความปรารถนาจะให้คนทั้งหลาย ได้เข้าซึ้งถึงสัจธรรมความจริงของโลกได้มากที่สุด เวลาที่ท่านสร้างสิ่งระลึกถึงผู้สำเร็จใดๆ จึงใช้คำว่า “องค์สมมติ” (อง-สม-มุด)ของท่านผู้สำเร็จเหล่านั้น เช่น องค์สมมติหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) องค์สมมติท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ องค์สมมติสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี เป็นต้น เพื่อให้มนุษย์ได้ระลึกว่าวัตถุนี้เป็นเพียงสิ่งแทนตัว ของท่านผู้สำเร็จผู้บริสุทธิ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ส่วนความศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดจากพลังแห่งการบรรจุของเทพพรหมพระโพธิสัตว์ที่จะได้แผ่พลังสู่วัตถุสมมติดังกล่าวนั้นๆให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ในด้านต่างๆ
คติความเชื่อของชาวพุทธ เชื่อว่าเมื่อพระพุทธศาสนา ดำเนินไปจนถึงห้าพันปี จะถึงกาลสิ้นยุคของศาสนา จิตใจมนุษย์จะตกต่ำเข้าสู่กลียุค เกิดความเสื่อมถอยการฆ่าฟันกันอย่างรุนแรง เมื่อถึงครานั้นจะมีพระโพธิสัตว์มาจุติ เพื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แล้วออกสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้เข้าซึ้งถึงสัจธรรมของการเกิดเป็นมนุษย์ ให้เข้าถึงศีลธรรมความดี ละเลิกการฆ่าการเบียดเบียน นำมนุษย์เข้าสู่สังคมแห่งความสันติอีกครั้ง พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมีพระนามว่า “พระศรีอริยเมตไตรย”
พระศรีอริยเมตไตรยมีพระนามปรากฏอยู่ในเอกสารคัมภีร์ทางพุทธศาสนาหลายฉบับรวมทั้งในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงเรื่องราวของท่าน แต่ที่ประชาชนทั่วไปรู้จักดีที่สุดเห็นจะเป็นจากตำนานพระมาลัย ในตอนที่พระมาลัยซึ่งเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งของศรีลังกาได้ถอดจิตไปนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์ จนกระทั่งไปพบพระโพธิสัตว์องค์นี้แล้วได้สนทนากัน พระศรีอริยเมตไตรยจึงฝากพระมาลัยมาบอกกับชาวโลกว่า ถ้าหากอยากจะไปเกิดทันยุคของพระองค์ให้หมั่นบำเพ็ญความดีสร้างกุศลไว้ให้มาก และอธิษฐานให้เกิดทันในยุคของพระองค์ก็อาจสำเร็จผลได้
สำหรับความเป็นมาของการสร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย ของสำนักปู่สวรรค์นั้น เกิดขึ้นเมื่อ สำนักปู่สวรรค์ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว (ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๓) ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งของลัทธิการเมืองโลกทำให้เกิดสงครามใหญ่และสงครามย่อยขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก รวมทั้งภายในแหลมสุวรรณภูมิของเราด้วย กาลต่อมาเหตุการณ์ร้ายต่างๆมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ความโหดร้ายของสงครามที่เกิดขึ้นในเวียดนาม
เอกสารเก่าของสำนักปู่สวรรค์กล่าวในเรื่องนี้ไว้ว่า “ครั้งนั้นเทพเจ้าแห่งแหลมสุวรรณภูมิ และเทพารักษ์รายงานว่า แหลมสุวรรรภูมิจะเกิดกลียุคอย่างหนัก สำนักปู่สวรรค์(เป็นสำนักโลกวิญญาณตั้งอยู่ในโลกมนุษย์ที่ดินแดนสยามแห่งแหลมสุวรรณภูมิ) จึงดำเนินการแก้อาถรรพณ์ คลายความเดือดร้อนของแหลมสุวรรณภูมิ อาศัยพระบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ที่สถิตอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต เตรียมจะมาเป็นพระพุทธเจ้าสืบต่อองค์สมณโคดม ขอให้แผ่รัศมีลงมาช่วยโลกมนุษย์ด้วย พร้อมทั้งเทพ พรหมที่อธิษฐานจิตเพื่อขอมาเกิดเป็นพระอรหันต์ในยุคนั้น มาพิทักษ์แหลมสุวรรณภูมิให้คลายความเดือดร้อนลง”
ด้วยความเมตตาของโลกวิญญาณ จึงได้วางแผนงานเพื่อดับความร้อนดังกล่าวโดยมีมติผ่านสำนักปู่สวรรค์ ให้ดำเนินการจัดสร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยขึ้นในโลกมนุษย์ตามแบบของเบื้องบนตามลำดับขั้นตอนที่วางไว้ เบื้องแรกมีบัญชาให้เจ้าสำนักเดินทางไปอัญเชิญดินจากประเทศต่างๆในแหลมสุวรรณภูมิจำนวน ๗ ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว พม่า มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย (ท่านจะหาอ่านประวัติการเดินทางไปอัญเชิญดินจากสถานที่ต่างๆของ อ.สุชาติ โกศลกิติวงศ์เจ้าสำนักปู่สวรรค์ได้จาก หนังสือเก่าของสำนักปู่สวรรค์ชื่อ “วันมหัศจรรย์”)
จากนั้นสำนักปู่สวรรค์ได้จัดพิธีปลุกเสกลงพลังจิตดินจากเทพพรหมและผู้สำเร็จในโลกวิญญาณ เมื่อวันอังคารที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๑๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ เป็นวันมาฆบูชา
วันเสาร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ตรงกับวันอาสาฬหบูชา สำนักปู่สวรรค์ทำพิธีเททอง โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ ทรงเป็นประธานเททอง เวลา ๑๓.๐๐ น.
วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๑๓ ขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๙ เวลา ๒๑.๐๐ น. ทำพิธีบรรจุดินศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศ ไว้ในพระเศียรขององค์สมมติ
วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๓ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ สำนักปู่สวรรค์ ทำพิธีอัญเชิญองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย ขึ้นประดิษฐานบนหน้ามุข สำนักปู่สวรรค์
เมื่อได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานเรียบร้อยแล้ว ในเวลาต่อมาได้จัดพิธีเฉลิมฉลองและเบิกพระเนตร ในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๔ โดยมี ศจ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล เป็นประธานจัดงาน ฯพณฯอภัย จันทวิมล รมต.ช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ในขณะนั้น) เป็นประธานจัดงาน หม่อมเจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ทรงเป็นประธานเบิกพระเนตร
นอกจากบุคคลสำคัญดังกล่าวแล้วยังได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตและผู้แทน จาก ๕ ประเทศมาร่วมพิธี ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย พม่าและกัมพูชา และเป็นผู้ปิดทองคำจารึกชื่อประเทศ ที่องค์สมมติอีกด้วย
เหตุอัศจรรย์มีน้ำพระเนตรไหล ในพิธีเฉลิมฉลองและเบิกพระเนตร
อนึ่งในช่วงงานพิธีนี้ได้เกิดเหตุการณ์อันอัศจรรย์ เป็นที่กล่าวขานกันจนถึงบัดนี้ คือเกิดมีน้ำพระเนตรไหลซึมออกมาเป็นทาง ไหลผ่านพระปราง(แก้ม) ลงไปหยุดที่บริเวณพระบาท ขังอยู่จนมีความสูงวัดได้ประมาณครึ่งเซนติเมตร และไหลต่อเนื่องไปเช่นนี้ ไปจนถึงรุ่งขึ้นของอีกวัน ต่อมาดวงพระวิญญาณของท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ผ่านร่างเจ้าสำนัก เสด็จมาใช้สำลีเช็ด น้ำพระเนตรจึงหยุดไหล
จากวันนั้นเวลาก็ได้เคลื่อนคล้อยผ่านไป สถานการณ์ของโลกและแหลมสุวรรณภูมิก็ค่อยๆคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ สงครามร้ายที่คาดว่าจะยืดเยื้อและลุกลามเป็นสงครามใหญ่ก็สงบลงไปในที่สุด
จนบัดนี้ นับแต่วันประดิษฐานองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย เป็นเวลา ๔๔ ปีแล้ว (พ.ศ.๒๕๕๗) ในวันนี้ยังมีสาธุชนทั้งใกล้และไกลแวะเวียนมาสักการะขอพร อธิษฐานจิตในเรื่องต่างๆ บางท่านอธิษฐานว่าในชาตินี้ไม่มีวาสนาจะได้พบพระพุทธเจ้าสมณโคดม ในอนาคตชาติเมื่อสร้างสมบารมีเพียงพอ ขอให้ประสบพบพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรย และขอให้ได้มรรคผล เข้าสู่แดนนิพพานอันสงบสมปรารถนา
แต่สิงหนึ่งที่ท่านจะได้พบเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์สมมติ ให้ท่านทำใจให้สงบ ใช้สายตามองพระองค์ท่านจะพบปริศนาธรรมอันสำคัญ ที่พระองค์ท่านแสดงให้เห็นด้วยกงจักรและดอกบัว โดยที่องค์สมมติถือดอกบัวด้วยพระหัตถ์ขวา ยกสูงกว่าพระหัตถ์ซ้ายที่ประคองกงจักร เพื่อเตือนสติมนุษย์ทั้งหลายว่า ให้เร่งทำความเพียร จนได้ดวงตาเห็นสัจธรรมอันแท้จริง สามารถแยกแยะว่าสิ่งใดเป็นกงจักรสิ่งใดคือดอกบัว จะได้ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างราบรื่นไม่ประมาทหลงไปในทางชั่ว รักษาจิตให้สูงไว้ดั่งดอกบัว ไม่หลงไปทางชั่วดั่งกงจักร ตั้งมั่นในกุศล รักษาศีลให้มั่นคง ก็จะได้พบสวรรค์นิพพานสมความปรารถนา เมตตานะ ศรีอริยะเมตโต พุทธา นะมะ สันติเกโล อะนาคามิ สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้บารมีของพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยโปรดคุ้มครอง และประทานพรให้เราทั้งหลาย จงมีแต่สันติสุข ด้วยเทอญ
ศ.สวรรค์รำลึก
เอกสารอ้างอิง และบทความที่เกี่ยวข้อง
๑.หนังสืออนุสรณ์ครบ ๑๐ ปี สำนักปู่สวรรค์ ๒๕๑๘
๒.ประวัติการสร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย www.poosawan.org