หลวงปู่ทวด-กฎแห่งอนัตตา
- Details
- Category: โอวาทหลวงปู่
- Published on Saturday, 20 July 2024 14:30
- Written by Super User
- Hits: 174
กฎแห่งอนัตตา
ชีวิตสัตว์โลกเป็นอนิจจัง แต่ละคนที่เกิดมาเป็นสัตว์ประเสริฐนี้ถ้านับว่าเป็นกุศลก็เป็นกุศล จะนับว่าเป็นอกุศลก็เป็นอกุศล เพราะว่ากุศลนั้นหมายถึงเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ที่เรียกว่าสัตว์ประเสริฐนี้มีหนทางฝึกในด้านบำเพ็ญฌาน การบำเพ็ญญาณก็เพื่อไปสู่โลกแห่งการหลุดพ้นคือ โลกุตรฌานหรือสำเร็จเป็นพรหมเบื้องสูง ที่ว่าเป็นอกุศลก็คือ มนุษย์บางจำพวกไม่ใช้สมองให้เป็นประโยชน์ แล้วก็เหลิงในภาวะกรรมที่ตนครอบครองหลงในเกียรติที่สมมุติ หลงในยศถาบรรดาศักดิ์ที่โกหกกัน เมื่อมนุษย์แบกสิ่งโกหกอยู่ในตัวคิดว่านั่นคือความเจริญและเป็นสิ่งสำคัญ มนุษย์ผู้นั้นก็ตกอยู่ในกองทุกข์ เพราะเมื่อท่านได้เกียรติที่คนโกหกให้ท่านมีเกียรติท่านต้องทำทุกวิถีทางที่จะต้องโกหกตัวเองเพื่อรักษาคำว่า “มีเกียรติ” ไว้ นี่คือทุกข์ นี่คืออกุศล และเกียรติเป็นสิ่งพอกพูนให้ร่างกายของท่านเกิดความหนักอกหนักใจกับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง เมื่อท่านตกอยู่ใจภาวะที่มีเกียรติ ท่านมีทุกข์มากในการวางตัวในการอยู่ในสังคมในการเข้าหมู่คณะ
ทีนี้มนุษย์บางจำพวกที่หลงในเกียรติจนลืมตน ถือว่าตนเป็นผู้มีอำนาจ คิดว่าจะไม่ตาย เมื่อคิดว่าตัวไม่ตายก็เกิดอัตตาทิฐิในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสวนรวมก็เกิดกรรมวิบากขนาดหนักขึ้นกับมนุษย์ผู้นั้น เมื่อถึงวาระถึงคราวดวงตกก็อยู่ในอกุศลวิบาก เกิดความทุกข์มากขึ้น ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนไว้ว่า ทุกอย่างในโลกนี้เป็นอนิจจัง อนัตตา ถ้าท่านจะมีความสุขที่สุดท่านต้องพยายามเป็นผู้ที่ไม่มีเกียรติ ไม่ยึดเกียรติ และไม่หลงเกียรติ เพราะสิ่งที่เป็นความสุขอันแท้จริงนั้นคือ “นามธรรม” แต่มนุษย์ไม่พยายามคิดค้นในด้านนามธรรม มนุษย์คิดหลงอยู่ในด้านวัตถุธรรม จึงเกิดความประมาท เมื่อเกิดความประมาทขึ้น สิ่งที่ท่านคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้
มนุษย์บางจำพวกมีอัตตาทิฐิ เกิดอารมณ์ถืออารมณ์ของตัวเป็นใหญ่ จึงไม่มี “ขันติ” ขันตินำความสุขมาให้ท่านได้ ขันติคือความอดทน อดทนต่อคำพูดของมนุษย์ทั้งดีและชั่วก็จะนำความสงบมาให้ท่านได้ แต่ถ้าท่านไม่มีขันติท่านหลงในอัตตา ท่านยึดในตัวตน ท่านก็เกิดความทุกข์ ดังตัวอย่างเช่น คนที่ด่าท่านเขาด่าด้วยโทสะครอบงำ เขาจึงด่าท่าน แต่ท่านถูกตัวโมหะครอบงำท่าน ทำให้ท่านเกิดปฏิกิริยาขึ้น เรียกว่า “ตัวหลง” ภาวะนี้ก็จะสามารถทำให้หลงในสิ่งที่เรียกว่า“จุดเล็กไปสู่จุดใหญ่กับฝ่ายตรงข้าม” ในขณะนี้ สังคมมนุษย์ตกอยู่ในภาวะที่ทุกเหล่าล้วนแต่ถูกตัว โทสะ โมหะครอบงำ เมื่อทุกเหล่าถูกตัว โทสะโมหะครอบงำ ความยุติธรรมในสังคมมนุษย์ย่อมไม่มีแต่ความยุติธรรมและสัจธรรมมีในอีกโลกหนึ่งคือ “โลกวิญญาณ” โลกวิญญาณไม่มีคำว่าญาติ ไม่มีคำว่ามิตร โลกวิญญาณมีศูนย์รวมกรรม ใครสร้างกรรมดีก็จะเสวยกรรมดีนั้น ๆ ใครสร้างกรรมชั่วก็จะเสวยในกรรมชั่วนั้น ๆ
ฉะนั้น ในฐานะที่ท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์ ที่เรียกว่ากุศลให้เกิดก็ได้ อกุศลส่งให้เกิดก็ได้ จงพยายามระลึกถึงพุทธพจน์ ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทแล้วก็ตั้งตนอยู่ใน “อตฺตาหิ อตฺตโนนาโถ ตนนั้นแหล่เป็นที่พึ่งแห่งตน”
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนี้แหล่เป็นจุดสำคัญที่ช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากวัฏฏะได้ ทำไมพระพุทธอง๕จึงตรัสว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเล่า” เพราะวาระสังขารได้สิ่งปฏิกูลบำรุง ปฏิกูลเพื่อให้ขันธ์อยู่ให้จิตวิญญาณมาใช้กรรม ถ้าท่านมีเพื่อนมีหมู่คณะที่รักท่าน เอาข้าวมาให้ท่านถึงหน้าแต่ท่านไม่ยอมอ้าปากนั้นก็เข้าปากท่านไม่ได้ “นี่แหละคือความจริงที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เริ่มแสดงให้ท่านแห่ง ถ้ามีเพื่อนใจดีงัดปากกรอกข้าวใส่ปากท่าน แต่อวัยวะของท่านไม่ยอมช่วยตนเอง คือ ไม่ยอมกลืน เมื่อถึงภาวะนี้ก็ไม่มีใครช่วยท่านได้อีกแล้ว
ในขณะนี้ทุกอย่างในโลกมนุษย์กำลังเข้าสู่ความสลายกำลังเข้าสู่ความหายนะ ท่านที่ได้อ่านธรรมมะนี้ ขอให้ท่านจงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และขอให้ทุกคนจงพยายามทำ “สติปัญญา” ให้ดีให้เข้มแข็ง ต้อนรับสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ ส่วนตัวของท่านให้เข้าซึ้งถึงกฎแห่งอนัตตา คือ
ทุกอย่างต้องสลาย
เมื่อมีเกิดขึ้นก็ต้องมีสลาย
เจริญพร