E-book สวรรค์รำลึก

รำลึกศึกษา

ศึกษาประวัติของหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต

ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก

เยี่ยมชมเรา

สื่อมงคลสำนักปู่สวรรค์

สิ่งดีที่ฝากไว้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ความรู้ทางวิญญาณ จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพยนต์รำลึก

ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์และสื่อเพื่อการศึกษาค้นคว้า

หลวงปู่ทวด-สัจบารมี

A-loungpoo

สัจบารมี

โอวาทของพระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด)

เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๗

         วันนี้อาตมาขอเทศน์โปรดสานุศิษย์ทุกคนว่า เราเข้ามาในสังคมนี้เพื่ออะไร ต้องจุดที่เราต้องถามตัวเราเองก่อน คือเมื่อเรามีสัจจะแห่งการถวายตนที่จะมาร่วมสังคมทำงานเพื่อมนุษยชาติ

         กฎของความจริงแล้ว คำว่าเพื่อชาติแล้ว ไม่มีเพื่อเรื่องกอบโกย ถ้าเพื่อเพื่อนมนุษย์ส่วนรวม ก็ไม่มีเพื่อความสุขส่วนตัว เพราะฉะนั้นอาตมาจึงบอกว่า การที่จะก้าวขยายงานต่อไป อาตมาไม่กล้าคิด ระบบตายเอาดาบหน้า เมื่อกองทัพธรรมเราควรจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังไม่จริงจังเต็มที่ ซึ่งที่จริงแล้วถ้ากำลังแค่นี้อาตมาคิดว่าเอากันจริงๆทำงานใหญ่ได้ คำว่า “พิภพ” หรือคำว่า “สังคมของสัตวโลก” ถ้าเราเข้าไปยุ่งแล้วเราก็ต้องมีทุกข์ เพราะอะไร ท่านลองสังเกต มนุษย์ทุกคนทำงานด้วยตัวโลภเป็นหลัก พ่อค้าค้าขายก็ต้องการกำไร ลูกจ้างไปเป็นลูกจ้างเขาก็ต้องการเงิน ข้าราชการก็ต้องการยศ แต่ท่านมาทำงานอยู่ในสังคมสำนักปู่สวรรค์ที่เรียกว่าไม่เอาอะไร และมีเรื่องภาระหนึ่งที่ว่า ถ้าเราอยู่ต่อไปงานก็ต้องก้าวอยู่เรื่อยไม่เช่นนั้นเขาไม่เรียกว่า “กงล้อแห่งธรรมจักร” มันต้องหมุนไปเรื่อย ถ้าตราบใดเรายังไม่หยุด

         เพราะฉะนั้น อาตมาใคร่จะขอร้องและวิงวอนให้ทุกคนควรจงคิดว่า เรามานี้เพื่ออะไร ในเมื่อสังคมทางโลกเขาทำงานเพื่อตัวโลภ เราทุกคนที่มาที่นี่ก็มาด้วยความไม่โลภ มาทำเพื่อจาคะ เมื่อเรามาทำเพื่อจาคะแล้ว ก็ขอให้มีการเรียกว่าสำรวจ สังวร พิจารณาตน ทุกขณะจิต แล้วก็เอาจริงตามฐานะ สุดความสามารถ คือ

มีความจริงใจและจริงจังในเรื่องการทำงานมากขึ้นทุกวัน อย่างคนอยู่ในนี้แล้วเรียกว่า ท่านกล้าตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในการกระโดลงเรือพระโพธิสัตว์ พร้อมที่จะช่วยกันโกยสัตวโลกให้พ้นทุกข์ ซึ่งขนาดอาตมานี่ก็กระโดดเข้ามาแล้ว ร่วมนำเรือพระโพธิสัตว์กับท่านโต ก็ถือว่าในเรื่องที่จะปล่อยให้ท่านตายนี้ไม่มี อาตมาห่วงท่านอยู่เสมอ โดยขอเตือนว่าการเป็นคนมันมีอยู่สองทางคือ สายอรหันต์และสายพระโพธิสัตว์

         ทางหนึ่งสายอรหันต์ เราหยุดทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ทำสมาธิละลายกิเลสจนสามารถทำให้สำเร็จ

มรรคผลหลุดพ้นจากสังสารวัฏ และเอาตัวรอดมุ่งสู่ทางแห่งนิพพาน

         ทางหนึ่งสายพระโพธิสัตว์ เราจะต้องทำงานเพื่อส่วนรวม เมื่อเราจะทำงานก็คือการจะก่อทุกข์ให้เรา เพราะฉะนั้น เวลาบำเพ็ญจิตถึงจตุตถฌานสี่ ที่จะขึ้นเรื่องในการที่จะซอยไปสู่อภิญญาหรือว่าเข้าไปเล่นในญาณ คำว่าฌานกับญาณนี่มันต้องแยก ตอนนี้เขาจะต้องตั้งสัจบารมีจะไปเป็นพระอรหันต์ โดยเอาตัวรอดเป็นยอดดี หรือจะไปเป็นพระโพธิสัตว์ โดยว่าจะเอาตัวเองทำงานช่วยเหลือคนอื่น ส่วนมากผู้บำเพ็ญในเหล่าพุทธสาวกถึงจุดนี้แล้วเขาจะหยุดนิ่ง ใช้กระแสจิตพิจารณา เพราะฉะนั้นการเป็นมนุษย์ก็ต้องมีเข็มทิศของเราในการตั้งเข็มทิศ ตั้งแล้วจะต้องแข็งและแน่นเหมือนภูเขา ไม่ใช่เอนเหมือนต้นอ้อ ภูเขาไม่กลัวลม ภูเขาไม่กลัวฝน ภูเขาไม่กลัวฟ้าร้อง 

เพราะฉะนั้นท่านจะศึกษาท่านจะศึกษาว่าเจตนาของผู้ที่บำเพ็ญแล้ว ตั้งอะไรลงไปแล้ว คำว่าถอยไม่มี ทีนี้ที่เขาสามารถสำเร็จตามเป้าหมาย หรือสร้างคุณงามความดีจนมีคนบูชาก็เพราะว่า การตั้งเข็มทิศของของเขาเหล่านั้น เมื่อตั้งแล้วเอาช้างมาลากก็ไม่ยอมไป อารมณ์ของผู้ที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วทำงานเพื่ออุดมการณ์ที่ตั้งไว้ ย่อมยอมตายทุกเมื่อเพื่อสัจบารมี เมื่อคนเราตั้งความแน่วแน่หนึ่ง พลังจิตจดจ่อหนึ่ง กุศลแน่วแน่หนึ่ง พลังภายในหนึ่ง เทวดาอนุโมทนาหนึ่ง ก็สำเร็จได้ ผู้ที่ทำอะไรไม่สำเร็จเพราะจิตเปลี่ยนทุกวินาที ภาวะจิตแบบลิง เขาเหล่านั้นจึงไม่ได้เกิดความสำเร็จแห่งชีวิตในทางโลกหรือทางธรรม เขาเหล่านั้นจึงมิสามารถที่จะยื่นตัวออกไปเหนือเพื่อนมนุษย์ในโลกนี้ เพราะสัจบารมีไม่เข้มแข็ง คนเหล่านี้จึงยังต้องตกอยู่ในฐานะปุถุชนที่ดิ้นรนท่ามกลางทะเลโลกียะที่กำลังบ้าคลั่ง

 

Contribute!
Books!
Shop!