หลวงปู่ทวด-หลักการทำงานใหญ่
- Details
- Category: โอวาทหลวงปู่
- Published on Thursday, 11 June 2015 06:34
- Written by Super User
- Hits: 2727
หลักการทำงานใหญ่
พระธรรมเทศนาของดวงพระวิญญาณ พระสังฆราชคูรูปาจารย์
หลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด)
เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐
เจริญพร
การทำงานทั้งหลาย ท่านต้องเข้าใจว่างานใหญ่คนๆเดียวย่อมทำไม่ได้ งานใหญ่ย่อมต้องเป็นหมู่คณะ การทำงานเป็นหมู่คณะก็จำเป็นจะต้องเดินไปด้วยกัน งานนั้นจึงสำเร็จสัมฤทธิผลได้ การทำงานใหญ่เราก็อย่าไปถือหลักว่าถ้าไม่มีเราแล้วงานนั้นจะไม่สำเร็จ กฎของธรรมชาติมันจะมีตัวตายตัวแทนของมันอยู่เสมอ เขาเรียกว่า เกิดดับของมันเอง เพราะฉะนั้นการทำงานใหญ่ต้องมีหลักคือ
๑.ต้องเชื่อมั่นว่างานนั้นจะต้องสำเร็จ นั่นคือการสร้างพลังใจ
๒.หมู่คณะต้องมีความสามัคคี งานนั้นก็จะสำเร็จเป็นขั้นที่สอง
๓.ต้องอย่าสำคัญตนผิดว่าในหมู่คณะนั้นไม่มีเรา แล้วงานนั้นจะไม่สำเร็จ
ถ้าท่านมีคติ ๓ ข้อนี้อยู่ในใจและเป็นรูปของกลุ่มทำงาน อาตมาคิดว่างานทั้งหลายไม่เกินความสามารถของมนุษย์ ถ้างานเหล่านั้นไม่ใช่งานดุลกรรม งานฝืนกฎแห่งกรรมมากนัก
ทีนี้ปกติที่โลกมันเกิดความวุ่นวายทั้งหลายเพราะมนุษย์ไปสำคัญตนผิด ไปสำคัญว่า ถ้าไม่มีเราแล้วงานนั้นก็คงจะไม่สำเร็จบ้าง ไปสำคัญว่าตนนั้นมีความรู้เก่งกว่าคนอื่นบ้าง ตนนั้นมีความดีเกินกว่าคนอื่นบ้าง คนอื่นเป็นคนไม่ดีไปทั้งหมดเป็นต้น
มันจึงเกิดความวุ่นวายของโลกขึ้น คือถ้ามนุษย์ยึดหลักแห่งการเป็นปุถุชนที่ดีแล้ว ต้องเข้าใจว่าชีวิตแห่งการเป็นปุถุชนนั้นไม่มีใครดีกว่าใคร ไม่มีใครเลวกว่าใคร เพราะทุกคนเกิดมาใช้กรรมตน ทุกคนเกิดมาเพื่อสร้างความดีหรือความชั่ว ไม่มีใครที่จะเลือกเกิดได้และไม่มีใครที่จะเลือกตายได้ ทุกคนมาตามกรรมวิบาก ถ้าทุกคนมีคติอันนี้และพยายามวางในการทำงานให้ดี คิดว่างานทั้งหลายก็จะดีได้
การทำงานเป็นเรื่องของการหาทุกข์ แต่การหาทุกข์มันมีหลายลักษณะ หาทุกข์เพื่อความสุขชั่วขณะหนึ่ง หาทุกข์เพื่อความสุขของมวลมนุษย์ อันนี้มันอยู่ในหลักของการที่เราหาทุกข์ด้วยการบำเพ็ญเมตตาบารมี เพื่อสันติสุขของโลกมนุษย์ ก็ย่อมที่จะได้กุศลในการทำงาน อันนี้ฝากเป็นข้อคิด แต่ว่างานทั้งหลายจะสำเร็จหรือไม่มันอยู่ที่มนุษย์มีความจริงจัง จดจ่อ แน่วแน่ และไม่ทรยศต่อสัจจะของตนเอง
เมื่อมนุษย์เอาจริงแล้วก็จะได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์มาก จะต้องได้รับผลตอบแทนมากในการทำงาน แต่ว่าการทำงานของสำนักปู่สวรรค์นั้น อาตมาขอใช้คำว่า “การทำงานอยู่ที่มนุษย์ ความสำเร็จอยู่ที่พระเจ้า” พระเจ้าพร้อมที่จะให้ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นแต่อยู่ที่มนุษย์เอาจริง
ทีนี้เราต้องพูดถึงเรื่องบุญบารมีสะสมมาแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการทำงานนั้นท่านจะต้องยอมอยู่ในภาวะของความปลงตกว่า ตนเองมีบารมีขนาดไหน มีบุคลิกขนาดไหน แล้วก็พูดถึงว่าในโลกนี้นับมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงทุกวันนี้ การสร้างวัตถุมันสร้างง่าย แต่การสร้างคนมันสร้างยาก สำนักปู่สวรรค์อาตมา มาทำงาน ๑๒ ปี ท่านโตทำทุกวิถีทางที่เรียกว่าเหวี่ยงแหตกปลาเพื่อให้คนเข้ามาช่วยทำงานส่วนรวม และคนที่ไม่คิดเข้ามาร่วมงานสำนักปู่สวรรค์นั้นเพราะกรรมที่ไม่ได้สร้างกันมาบ้าง บุญที่เขาไม่ถึงบ้าง มันก็ไม่ติดเป็นต้น
อาตมาถึงได้บอกว่าคนเรามันอยู่ที่วาสนา วาสนาตนมีแค่ไหน มันก็ได้แค่นั้น เจ้าอาวาสบางคนสร้างวัด สร้างแล้วตัวก็อยู่ไม่ได้ แต่คนอื่นอยู่ได้ เพราะคนๆนั้นสิ้นสุดวาสนาเพียงเท่านั้น และบางคนขันติธรรมยังไม่ถึงที่จะทำงานใหญ่ได้ เช่นวิธีการลองใจเขา จะไปบอกว่านี่ฉันลองใจเธอนะว่าเธอจะอยู่กับฉันได้หรือไม่ อย่างนั้นก็ไม่ใช่ลองใจ มันก็บอก มึงเตรียมตัวนะกูจะลองใจนะ มันก็ไม่ต้องเรียกว่าการเตรียมงานที่จะก้าวอีกชั้นหนึ่ง มันจะต้องพิสูจน์ความเข้มแข็งของประสาทคน พิสูจน์ความเข้มแข็งของม้าที่จะขี่ แต่ผู้นำที่เขาจะทำงาน เขาย่อมมีวิธีการพิสูจน์ของเขาและย่อมที่จะไม่ต้องบอกให้ท่านรู้ว่าจะพิสูจน์ในแบบไหน นี่เป็นปริศนาธรรมให้คิด
จากหนังสือ ปรัชญาสมเด็จพระสังฆราช ๒๕๒๓ บริษัทยุคใหม่จำกัด