to-เหตุใดองค์สมณโคดมจึงบัญญัติวินัยการเข้าพรรษา
- Details
- Category: โอวาทสมเด็จโต_cat
- Published on Sunday, 28 July 2013 12:35
- Written by Super User
- Hits: 2859
เหตุใดองค์สมณโคดมจึงบัญญัติวินัยการเข้าพรรษา
เคยลงในหนังสือพิมพ์ไทยเดลี่ ฉบับประจำวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๔
วันนี้เป็นวันแห่งการสมมติของโลกมนุษย์ว่า”วันเข้าพรรษา” เพราะเหตุใดองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงบัญญัติพระวินัยเรื่องการเข้าพรรษาเล่า
เพราะว่าในภาวการณ์นี้ เมื่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สำเร็จอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งยุคแล้ว ก็ได้ดำเนินการเผยแผ่ศาสนาแห่งพุทธอาณาจักร ให้ธรรมะของพระองค์รุ่งเรืองตามแคว้นต่างๆในชมพูทวีป เช่น พาราณสีก็ดี สาวัตถีก็ดี ราชคฤห์ก็ดี มคธก็ดี กบิลพัสดุ์ก็ดี กุสินาราก็ดี เพื่อเผยแผ่ให้มีพุทธสาวกและอริยสงฆ์ขึ้นในยุคนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ พุทธกาลล่วงเลยไปเป็นอดีตภาคสองพันกว่าพรรษาแล้ว วงล้อแห่งกงเกวียนกำเกวียนได้มาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง ณ วันนี้
ในขณะนั้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสร้างอาณาจักรแห่งพุทธะขึ้นแล้ว เหล่าสาวกทั้งหลายได้ดำเนินการเผยแผ่ศาสนาตามที่ต่างๆ จนถึงกาลแห่งฤดูฝน ฝนตกชุกทั่วทวีป พระสงฆ์ทั้งหลายไม่สามารถที่จะเดินตามคันนา คันทางต่างๆในยุคนั้น เพื่อไม่ให้เท้าไปเหยียบย่ำทำความเสียหายแก่ชาวบ้านประการหนึ่ง ประการที่สองก็เป็นการที่เหล่าพระสงฆ์ทั้งหลายได้มีการอยู่เป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นที่ เป็นพวก เป็นคณะ เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะความรู้ซึ่งกันและกันที่ได้ประสบมา ในการออกเผยแผ่ธรรมะแห่งสัจจะขององค์พระสมณโคดม
วาระกาลนั้นเป็นการดำเนินการเรื่อยๆมาเพื่อให้พุทธสาวกมีประสบการณ์ว่า เมื่ออกพรรษาแล้วเราจะดำเนินการเผยแผ่ศาสนาอย่างไร เพื่อให้อาณาจักรแห่งความร่มเย็นนี้บรรเทาความเร่าร้อนแห่งสัตวโลกที่ถูกครอบงำด้วยกามตัณหาก็ดี โลภตัณหาก็ดี ในหลักแห่งความยึดตนก็ดีให้เบาบางลง จึงได้บัญญัติวินัยให้พระสงฆ์ทั้งหลายอยู่เพื่อปรึกษากัน
เมื่อประเพณีอันนั้นค่อยๆเปลี่ยนแปลงมาถึงแดนสยาม ก็กลายเป็นว่า เมื่อเข้าพรรษาแล้วลูกชาวบ้านก็มาห่มผ้าเหลือง ครั้นเวลาออกพรรษาแล้วลูกชาวบ้านก็ถอดผ้าเหลือง นี่คือประเพณีในการดำเนินการเรื่อยมา จนไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าศาสนา อะไรเรียกว่าประเพณี
วันเข้าพรรษาเป็นวันแห่งศุภนิมิตดีสำหรับมนุษย์ เพราะฉะนั้นจึงขอให้ท่านทั้งหลายผู้เป็นชาวพุทธ และผู้เป็นสมมติสงฆ์พึงระลึกว่า ในขณะนี้เป็นเวลาที่เราจะเข้าพรรษา เพื่อปฏิบัติตนให้ตลอดรอดฝั่ง ในการชำระจิตให้สิ้นจากภาวะกิเลส ก็คือว่าเราควรจะทิ้งในด้านกิเลสบางอย่าง เช่น ในการเสพสุรายาเมาก็ดี ในการติดภาระทั้งหลายก็ดี ให้สัมฤทธิ์ผลแห่งความเข้าถึงตน
ในยุคแห่งกึ่งพุทธกาลนี้จะทำอย่างไรเล่า ที่จะให้ศาสนาพุทธนี้มีแก่นเหลืออยู่ในโลกบ้าง ภาวะทั้งหลาย สัตวโลกในยุคปัจจุบันนี้ถูกกิเลสแห่งวัตถุครอบงำอย่างลึกซึ้ง จนไม่สามารถคลายจากภาวะตัณหาเหล่านั้นได้
เพราะฉะนั้นวันแห่งการเข้าพรรษานี้ สำนักปู่สวรรค์ขอบิณฑบาตเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย ที่เป็นชาวพุทธ แล้วถ้าท่านเป็นชาวพุทธที่แท้จริง เมื่อมีประเพณีการห่มผ้าเหลือง เราควรมีประเพณีการละในกิเลสบางอย่าง โดยการตั้งสัจจะของตนว่า ในพรรษานี้ไม่ว่าเราห่มผ้าเหลืองหรือห่มจิต เราจะละกิเลสบางอย่าง แต่การห่มจิตดีกว่าห่มผ้า เพราะถ้าห่มแต่ผ้าไม่ห่มจิต ผ้าเหลืองจะร้อนยิ่งกว่าไฟนรกอเวจี
เพราะฉะนั้นท่านจะเห็นว่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งยุคของเรานี้ ทรงมีหลักและมีทั้งปัจจัยในการวินิจฉัยแผนงานในการเผยแผ่หลักธรรมว่า ถึงคราวเข้าพรรษาเพื่อการประชุม ถึงคราวออกพรรษาเพื่อการเผยแผ่ธรรม ก่อนจะจบคำเทศน์นี้ เราขอให้คติธรรมว่า
สามัคคี จิตถึงธรรม ชีวิตรอด
หลงหน่อไม้ ยึดหิ่งห้อย ชีวิตล่ม
ขอให้ทุกคนมีสัจจะ ตั้งตนเข้าสู่ทางแห่งการละกิเลสทั้งปวง ในกาลแห่งการเข้าพรรษานี้เถิด นี่คือคติธรรมให้ชาวพุทธทั้งหลาย รับไปพิจารณาขอให้ท่านทั้งหลายเริ่มต้นปฏิบัติจิตปฏิบัติใจ ท่านที่หวังในการปฏิบัติธรรม ก็ให้สมความปรารถนาในการตั้งปณิธาน และขอให้ทุกคนมีสัจจะ ตั้งตนเข้าสู่ทางแห่งการละกิเลสทั้งปวง ในกาลแห่งการเข้าพรรษานี้เถิด..
จากหนังสือ ธรรมะจากดวงวิญญาณบริสุทธิ์สมเด็จโต ชุด แถลงการณ์จากโลกวิญญาณ พิมพ์ครั้งที่ ๔ พ.ย.๒๕๓๖