E-book สวรรค์รำลึก

รำลึกศึกษา

ศึกษาประวัติของหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต

ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก

เยี่ยมชมเรา

สื่อมงคลสำนักปู่สวรรค์

สิ่งดีที่ฝากไว้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ความรู้ทางวิญญาณ จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพยนต์รำลึก

ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์และสื่อเพื่อการศึกษาค้นคว้า

สมเด็จโต-วิญญาณเข้าสิงร่างมนุษย์

o-wat-tho

วิญญาณเข้าสิงร่างมนุษย์

(วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔)

ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล : หลวงพ่อครับ เมื่อเร็วๆ นี้ มีหนังสือพิมพ์ลงเรื่องเกี่ยวกับผีผู้หญิงจีนที่หัวขาด ที่ศรีราชา แล้วก็ได้ความว่าตายมา ๑๕ ปีแล้ว แต่ก่อนนี้ทำไมจึงไม่แสดงปาฏิหาริย์ เพิ่งมาแสดงปาฏิหาริย์เร็วๆ นี้ เป็นเพราะอะไรครับ

สมเด็จ : ที่ไหน

ศ.ดร.คลุ้ม : ที่ศรีราชาครับ คือผู้หญิงคนหนึ่ง ประวัติที่เขานำมาเล่าให้ฟัง ตอนที่ผีเข้าสิงว่า ผู้หญิงคนนี้ไปเยี่ยมสามี มีคนบอกว่าผู้หญิงจีนอายุ ๓๐ ปี ถูกรถสิบล้อทับ ขาขาด คอขาด หัวกระเด็นไปติดต่ออยู่บนต้นไม้แล้วผู้หญิงคนนี้เขากำลังเดินไปเยี่ยมสามีที่โรงพยาบาล ขณะเดินผ่านต้นไม้ เห็นผู้หญิงอยู่บนต้นไม้ยิ้มให้ด้วย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้นพอเดินไปถึงโรงพยาบาล ก็มีอาการผิดแปลกไปจากคนธรรมดา

หมอตรวจอาการแล้วบอกว่าต้องตายแน่ หัวใจเต้นช้าเหลือเกิน หมออีกคนตรวจพบว่าหัวใจเป็นปกติ แล้วเขาไม่ลืมตาเลย หมอถามว่าลืมตาไม่ได้หรือ คนไข้บอกว่าไม่ได้หรอก ขืนลืมตาเดี๋ยวหมอจะตกใจมีหมอคนหนึ่งขืนไปเปิดตาคนไข้ดูแล้วก็ตกใจไม่สบายไปหลายวัน อันนี้อะไรเพราะอะไรครับ แล้วผีได้บอกว่าตอนที่ยิ้มให้แล้วได้เข้าไปอยู่ในกระเป๋าผู้หญิงคนนั้น จริงหรือเปล่าครับ

สมเด็จ : เรื่องมันเป็นว่า เป็นการพัวพันในอดีตชาติของมนุษย์คนนี้กับผีเปรตตนนั้น คือหมายความว่า เขาตายในขณะจิตที่อยู่ในภาวะที่มีห่วง และตายอย่างไม่ถึงอายุขัย ภาวะแห่งการตายไม่ถึงอายุขัยนี้แหล่ จึงทำให้เขามีพะวงสิ่งหนึ่งที่จะคอยพบกับผู้ที่มีกรรมพัวพัน พูดง่ายๆ ก็คือว่า ผู้หญิงคนที่ถูกเขาสิงนี้ ในอดีตชาติเคยเป็นลูกเขามาก่อน ภาวะแห่งการที่ในอดีตชาติเคยเป็นลูกเขามานี้แหล่

อันนี้จะต้องอธิบายถึงความเป็นอยู่ของวิญญาณ ความเป็นยู่ของวิญญาณนั้น ถ้าวิญญาณนั้นตายโดยไม่ถึงอายุขัย แล้วเป็นวิญญาณปุตุ ปุตุ ในที่นี้หมายถึงวิญญาณที่ไม่ได้บำเพ็ญในด้านนามธรรม ในด้านอำนาจฌานญาณ ภาวะถ้าตายอย่างไม่ถึงอายุขัยแล้ว เขาจะถือว่าเป็นวิญญาณอิสระ พลังแห่งการเป็นวิญญาณอิสระนั่นแหล่ จะมีพลังแห่งการหยั่งรู้ของตนขึ้นมา ก็พยายามนั่งนึก แต่แยกแยะคำว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคตไม่ได้

ก็คือหมายความว่า นั่งแยกแยะเหตุการณ์ว่า คนนั้นเคยเป็นลูกเรานี่ คนนี้เคยเป็นพี่เรานี่ เคยเป็นอะไร คือสามัญสำนึกแห่งธรรมชาติของจิตวิญญาณโผล่ขึ้นมา พลังอันนี้เมื่อคิด เมื่อมีความยึดก็อยู่คอยวาระที่จะว่าพบลูกของตนคนหนึ่งที่จะต้องผ่านมาทางนี้ และภาวะนั้นก็คือว่าผู้หญิงผู้นั้นกำลังอยู่ในชะตาไม่ดีเขาก็ได้เข้าในผู้หญิงนั้น

สภาวะที่วิญญาณเข้าสิง

สมเด็จ : สภาวะแห่งการเข้าในผู้หญิงนั้น ที่เขาบอกว่าเข้าไปในกระเป๋านั้น เป็นการพูดโวหารตลกของผีหัวขาดนั้น

การที่วิญญาณจะตามมานั้น ว่าตามหลักก็คือว่า มนุษย์นี้เกิดขึ้นมาได้ด้วยธาตุแห่ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ภาวะแห่งธาตุดินน้ำลมไฟแล้วไซร้ วิญญาณสิงสถิตพร้อมด้วยการกระจายอยู่ในวิญญาณธาตุ พลังแห่งการกระจายอยู่ในวิญญาณธาตุก็คือว่า กายทิพย์ของท่านนี่จะอยู่ตรงนี้ (หลวงพ่อสมเด็จชี้ตรงบริเวณท้ายทอย) จิตวิญญาณท่านถ้ารวมได้จะอยู่ตรงนี้ (ชี้ตรงหน้าผากระหว่างหัวคิ้วทั้งสอง) คือพลังแห่งการใช้งาน เพราะฉะนั้นคนโบราณเขาจะถือว่ากลางค่ำกลางคืนจะเดินไปไหน ห้ามผูกอะไรบนหน้าผาก ผีมันจะไม่เห็นแสงคน มันจะเข้ามาชนกับคน

เพราฉะนั้น วิญญาณนี้จะมาในลักษณะนั่งท้ายทอยมา คือ พลังของกายทิพย์กับกายทิพย์จะสัมผัสกันที่ท้ายทอย ก็ตามมาตามมาก็ค่อยๆ แทรกซึมเบียดกายทิพย์ของวิญญาณหญิงคนนี้ จนสามารถแผ่เข้าไปในวิญญาณธาตุ พลังอันนี้เขาเรียกว่า อำนาจจิตของวิญญาณย่อมมี คือ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า พวกโอปปาติกะหรือพวกคนปุถุชน เมื่อตายไปก็เป็นวิญญาณปุตุ ก็มีพลังจิตที่จะมาบีบรัดกายทิพย์ของมนุษย์ที่เป็นๆ ที่ไม่มีสมาธิได้

วิญญาณใช้พลังบังคับกายเนื้อ

สมเด็จ : เมื่อพลังอันนั้นแผ่ซ่านเข้าในกายได้เรียบร้อยแล้วไซร้ ย่อมสามารถใช้อำนาจนี้บังคับประสาทในกายเนื้อ ทำให้หัวใจเต้นช้าก็ได้ ทำให้หัวใจเต้นเร็วก็ได้ อันนี้อยู่ที่พลังแห่งการบีบรัดของการแทรกซึมของการเข้าไปในกายเนื้อนี้แล้ว เรียกว่าวงการแพทย์หรือพวกนักวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะพวกอาจารย์ชีวะเขาก็งง

อย่างขณะนี้ อาตมาใช้ร่างมนุษย์คนนี้อยู่ ท่านจะเอาอะไรมาลองวัดหัวใจรับรองให้หมอสักร้อยคนชั้นดอกเตอร์ดีกรีพ่วงท้ายมากๆ ด้วยจะจับว่าคนนี้จะมีโรคก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีโรคก็ไม่เชิง คืออาตมาสามารถจะให้หัวใจเขาเต้นนาทีละ ๓๐๐ ครั้งก็ได้ อยู่ๆ ลองวัดอีกที หัวใจไม่เต้นเลยก็ได้ อันนี้หมายถึงว่าใช้พลังบีบรัด สามารถแทรกเข้าไปในกายเนื้อของมนุษย์แล้ว พลังอันนี้จะแผ่ไปทั่วร่างมนุษย์นี้อย่างฉับพลันเร็วยิ่งกว่าอะไร พูดให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คือว่า เร็วยิ่งกว่าน้ำกับน้ำเจอกันกลืนทันที

การถอยของวิญญาณ

สมเด็จ : ทีนี้ เวลาจะออกนี้ก็รวมตัว คือถอยของพลังธาตุ ท่านอย่าลืม วิญญาณที่ถูกจับทรงก็ดี วิญญาณที่ถูกผีอำก็ดี วิญญาณเจ้าของร่างเขาจะไม่อยู่ห่างจากกายเนื้อ วิญญาณของเขาจะพยายามเบียดเข้ามา มีช่องว่างก็จะพยายามเบียดเข้ามาในกายเนื้อ เปรียบเสมือนหนึ่งผู้ที่คิดทำลายประเทศ คอยแทรกซึม ถ้าไม่มีช่องว่างเขาจะไม่แทรกเข้าไป ถ้ามีรูที่ไหนเขาเข้าแทรกที่นั่น

สมมติเวลาถอย วิญญาณทิพย์ถอยจากปลายเท้าขึ้นมาจุดนี้ (จุดกลางตัว) วิญญาณของคนๆ นั้นก็จะมาถึงตรงนี้ทันที (จุดกลางตัว) เพราะฉะนั้น ท่านจะเห็นว่าอาตมาตอนกลับจะนอน วิญญาณทิพย์เคลื่อนจากเท้าจะมาตรงนี้ วิญญาณของร่างทรงเขาจะซึมเข้ามาทางเท้าทันทีคือวิญญาณของคนที่ยังไม่ตายหรือไม่ถึงอายุขัย ยังมีสังขารจะหวงร่างมาก ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือว่า แมวห่วงบ้านมากกว่าห่วงคน หมาห่วงเจ้าของมากกว่าห่วงบ้าน ฉันใดก็ฉันนั้น

Contribute!
Books!
Shop!