E-book สวรรค์รำลึก

สถิติเยี่ยมชมเว็บสวรรค์รำลึก

1890530
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
1097
890
4548
1883440
9962
8562
1890530

Your IP: 3.15.6.77
Server Time: 2024-04-19 22:53:49

รำลึกศึกษา

ศึกษาประวัติของหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต

ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก

เยี่ยมชมเรา

สื่อมงคลสำนักปู่สวรรค์

สิ่งดีที่ฝากไว้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ความรู้ทางวิญญาณ จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพยนต์รำลึก

ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์และสื่อเพื่อการศึกษาค้นคว้า

ประวัติของทูตสันติภาพ สุชาติ โกศลกิติวงศ์

  อ.สุชาติ โกศลกิติวงศ์
   
ประวัติท่านทูตสันติภาพ ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์
กำเนิด
นายสุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนบุตร ๗คน ของนายเต็กสือ แซ่ฉั่ว กับ นางฮุ้ยฮวง แซ่ลิ้ม เกิดวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะแม ในเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย 
ต้นตระกูลของนายเต็กสือ เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในประเทศจีน บ้านเดิมอยู่อำเภอเตียอัง จังหวัดกึงตัง มณฑลกว้างตุ้ง ประเทศจีน นายเต็กสือเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับประธานธิบดีเจียงไคเซ็ก เคยรับราชการมีตำแหน่งเป็นที่ ๔ รองจากประธานาธิบดีเจียงไคเซ็ก เป็นคนรักชาติและรักความยุติธรรม ในยุคที่ประเทศจีนอลเวงอย่างหนัก ข้าราชการเต็มไปด้วยพวกโกงกินคอร์รัปชั่น เป็นเหตุให้นายเต็กสือโต้เถียงอย่างรุนแรงกับประธานาธิบดีเจียงไคเซ็กเพราะไม่พอใจในการบริหารงานของคณะรัฐบาล ประธานาธิบดีเจียงไคเซ็กสั่งจับฆ่า จึงหนีมาประเทศไทย ก่อนปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ประกอบอาชีพแพทย์แผนโบราณ

ในวัยเยาว์
 

ภาพเขียนของท่านในวัยเยาว์

เยาว์วัย     
            เด็กชายสุชาติชอบพูดคุยเรื่องธรรมะและเรื่องการช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ไม่สนใจการเรียนหนังสือในโรงเรียนแต่ได้เรียนรู้จากนอกโรงเรียนมากมาย บิดาแก่กรรม เมื่อเด็กชายสุชาติอายุ ๙ ขวบ มารดาต้องทำงานเลี้ยงลูก ๗ คน
เด็กชายสุชาติชอบไปเล่นแถวใต้สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ และลงเล่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งหนึ่งเกิดเป็นตะคริวว่ายน้ำไม่ไหวจึงจมน้ำ เมื่อจวนจะหมดสติรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งมาช้อนร่างกายให้ลอยขึ้น ใบหน้าและจมูกอยู่เหนือน้ำ แล้วลอยไปเรื่อยๆ จนมีจีนพายเรือขายกาแฟผ่านมาจึงช่วยให้เด็กชายสุชาติขึ้นจากน้ำ
ปรากฎการณ์ที่รอดชีวิตมาได้อย่างแปลกประหลาดนี้ ยังฝังอยู่ในความทรงจำของนายสุชาติ ครั้นเมื่ออายุมากขึ้นต้องทำงานเพื่อส่วนรวม นาสุชาติรู้สึกแน่ใจว่าตนต้องมีชีวิตบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น จึงยังไม่ตายเมื่อเป็นเด็ก
อายุ ๑๐ ขวบ ได้ขโมยเงินของมารดา ๑๐ บาท ซื้อขนมแจกเพื่อน มารดาจับได้ก็ทำโทษเอาเชือกมัดข้อเท้าข้างขวาผูกติดกับประตูหน้าบ้าน ไห้นั่งประจานตรงนั้นนับแต่นั้นมาเด็กชายสุชาติได้ตั้งสัจจะว่า จะไม่ขอเงินท่านอีก แต่ด้วยเมตตาของมารดา บางวันก็เอาเงินมาทิ้งไว้ที่นอนหนึ่งบาทบ้าง สองบาทบ้าง วันไหนไม่มีเงินค่ารถก็จำเป็นต้องเอา
นับแต่นั้นมาเด็กชายสุชาติก็ไม่เรียนหนังสือ รับจ้างเขาทำงาน ขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง ส่งกาแฟตามร้านบนบาทวิถีบ้าง เพื่อแลกเงินมาเลี้ยงชีพ บางคืนกลับไปถึงบ้านตีหนึ่ง ตีสอง มารดาก็ยังคอยอยู่
อายุ ๑๔ ปี ทำงานนอกบ้านและฝึกงานทางการค้าขายและช่วยเหลือผู้อื่นในวงการค้าด้วย ระหว่างนั้นไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนผู้ใหญ่วัดราชบูรณะ ได้เลื่อนชั้นและข้ามชั้น เรียนเพียง ๒ ปีก็จบชั้นประถมปีที่ ๔

เมื่ออายุประมาณ 17 ปี
เมื่ออายุประมาณ ๑๗ ปี 
อายุ ๑๗ ปี ทำงานกับนายสหัส มหาคุณ ที่สมาคมพาณิชย์จีน ระหว่างนั้นมีผู้ประกอบธุรกิจภาพยนตร์ได้นำฟิล์มมาจำนำและขอกู้เงิน นายสุชาติได้ช่วยเจรจากับนายสหัส มหาคุณ จนเป็นผลสำเร็จ ผู้มากู้จึงมอบพระผงหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปว่าศักดิ์สิทธิ์ นายสุชาติได้รับแล้วก็เก็บไว้เฉยๆ ต่อมาอยากพิสูจน์ความศักดิ์สิทธ์
 นายสุชาติได้รับแล้วก็เก็บไว้เฉยๆ ต่อมาอยากพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญนั้นจึงไปวัดดอนยานนาวาถามพระภิกษุองค์หนึ่งถึงวิธีปลุกเหรียญศักดิ์สิทธิ์ พระก็แนะนำให้
เมื่อลงมือทำก็รู้สึกมีดวงไปใหญ่ดวงหนึ่งแล่นเข้ามาที่หน้าอย่างเต็มที่แล้วก็ไม่รู้สึกตัวสักครู่รู้สึกตัวพวกเพื่อนที่อยู่ที่นั่นบอกว่า หลวงปู่ทวดมา ได้ทดลองอยู่หลายครั้ง ครั้งที่ร้อยกว่าหลวงปู่ทวดได้ผ่านร่างนายสุชาติ ท่านพูดว่าอยากลองดีจะเอาเป็นร่างทรง


เริ่มบำบัดโรคด้วยพลังทิพย์
เมื่อมีผู้ทราบว่าหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดมาผ่านร่างนายสุชาติ จึงมีคนไข้ซึ่งป่วยมานาน แพทย์รักษาไม่หาย มาขอให้หลวงปู่ทวดรักษาให้ ก็หายป่วยไปหลายราย ระยะนั้นนายสุชาติไม่สมัครใจที่จะทำงานให้แก่โลกวิญญาณ จึงคิดหนีไปให้พ้น คิดเอาเองว่า ถ้าหนีไปต่างประเทศคงจะพ้น ได้หนีไปประเทศลาว แต่วิญญาณก็ยังไปบีบบังคับได้เหมือนเดิม
ระยะนั้นมีปัญหาทางการเมือง ห้ามประชาชนเดินทางข้ามแดน นายสุชาติจึงท้าความศักดิ์สิทธิ์ว่าถ้าหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์จริงก็ต้องช่วยให้กลับเมืองไทยได้ ก็กลับมาได้อย่างมหัศจรรย์ พอดีอายุต้องเกณฑ์ทหาร เป็นทหารอยู่ ๑ ปี ๖ เดือน

รับราชการทหาร
รับราชการทหาร
นายสุชาติเข้ารับราชการทหารเมื่อ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๗ สังกัดกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ ๑ เคยทำหน้าที่พลประจำปืนฝึกอยู่ค่ายธนะรัชต์ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
             ระหว่างเป็นทหาร พลทหารสุชาติ มีความขยันขันแข็งเคารพระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา บางครั้งได้รับพลังทิพย์จากโลกวิญญาณ เช่นครั้งหนึ่งกำลังฟังนายทหารบรรยาย พลทหารสุชาติก็ยกมือขั้นขออนุญาตพูดหน้าชั้นเมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็พูดถึงยุทธวิธีการรบอันเป็นเรื่องที่เกินความรู้ของพลทหาร ทำให้ผู้ฟังรู้สึกแปลกใจมาก บางวันแดดร้อนจัด พลทหารสุชาติบอกว่าจะเรียกฝนให้ แล้วก็ออกไปนั่งกลางแจ้ง ร้องเพลงแขก ฝนตกลงมา ต่อมาทางการให้ย้ายจากค่ายธนะรัชต์ไปอยู่ ป.ต.อ. หนังสือส่งตัวมีใจความตอนหนึ่งว่า                  
                “พลทหารสุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นพลทหารที่ดีมากและมีมันสมองมหัศจรรย์ สมควรให้ตำแหน่งนายสิบ”
ระยะนั้นสมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์ (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) ตรัสว่า เหตุการณ์บ้านเมืองไม่ดีต้องตั้งสำนักปู่สวรรค์ขึ้นในโลกมนุษย์ตามมติสามโลกรับใช้โลกวิญญาณ 


พ.ศ. ๒๕๐๙ 
เป็นช่วงชีวิตหักเหเข้าสู่ทางธรรมตั้งแต่อายุ ๒๒ ปี ความเป็นมาในเรื่องนี้เป็นที่อัศจรรย์ ขณะนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเกิดวิกฤตการณ์ จากผู้ก่อการร้าย ท่านบรมครูมีพระบัญชา ให้ตั้งสำนักปู่สวรรค์ตามมติของสามโลก แห่งแรกเป็นบ้านเช่าอยู่ที่บางปะกอก ณ บ้านเลขที่ ๑๑๘/๒ ซอยอนามัย ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 
ต่อมาย้ายมาตั้งอย่างเป็นทางการในซอย ๖๕ (จาตุรงค์สงคราม) ถ.เพชรเกษม บางแค กรุงเทพ เพื่อเป็นสถานที่ติดต่อสื่อกลางในการทำงานของโลกวิญญาณและโลกมนุษย์ เพื่อความอยู่รอดของประเทศไทยและโลกมนุษย์

สำนักปู่สวรรค์
พ.ศ.๒๕๐๙ – ๒๕๑๒
ตั้งสำนักปู่สวรรค์ในโลกมนุษย์ ด้วยพระบัญชาของพระเจ้าเบื้องบน เพื่อเป็นที่สถานที่ติดต่อสื่อกลางในการทำงานของโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ เพื่อความอยู่รอดของประเทศไทยและโลกมนุษย์

พระศรีอริยเมตไตรย์สำนักปู่สวรรค์

องค์สมมติ พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย์ ประดิษฐาน หน้ามุขสำนักปู่สวรรค์
พ.ศ.๒๕๑๓
สร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย เพื่อคลายความร้อนระอุในแหลมอินโดจีนหรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปี พ.ศ.๒๕๑๐ ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เริ่มการก่อวินาศกรรมและเผาตัวเองในเวียดนามใต้ รัฐบาลเวียดนามใต้ขอรับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา จึงได้เกิดสงครามเวียดนามในปี พ.ศ.๒๕๑๓ การสู้รบได้ขยายเข้าไปสู่เขมร ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เวียดนามใต้ประกาศยุติการสู้รบ อเมริกาถอนทหารออก เวียดนามใต้ล่มสลายในปี พ.ศ.๒๕๑๘


พ.ศ.๒๕๑๕
ริเริ่มตั้งครัวกินเพื่ออยู่ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการรับประทานอาหารมังสวิรัติ และงดเว้นจากการฆ่าสัตว์

  
พ.ศ.๒๕๐๙ – ๒๕๒๔
สร้างภราดรภาพทางศาสนาเพื่อให้บังเกิดสันติภาพในหมู่มนุษยชาติ ทำงานด้วยแนวทางทางศาสนาเพื่อยับยั้งการลุกลามของลิทธิคอมมิวนิสต์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การจัดงานพิธีต่างๆ สร้างสันติเจดีย์ พระพุทธรูปยืน องค์สมมติพระเยซู เพื่อดุลย์กรรมให้แก่ประเทศไทยและโลกมนุษย์ ณ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา จ.ราชบุรี

 

หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา สถานที่ทอแสงสันติภาพ และภารดรภาพทางศาสนา 
พ.ศ.๒๕๑๓ – ๒๕๑๔
ก่อตั้งหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา จ.ราชบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งภราดรภาพทางศาสนา ต่อสู้กับบริษัทระเบิดหินที่มีอิทธิพลหลายบริษัท ที่ต้องการระเบิดหินภูเขาถ้ำพระ ติดกับบริเวรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา เพื่ออนุรักษ์ภูเขาซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางพุทธศาสนา คือในอดีตเคยเป็นสถานที่พักแรมของคณะธรรมทูตของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่เผยแพร่พุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ โดยสถานที่นี้กรมศิลปากรได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานสำหรับชาติแห่งหนึ่งของจังหวัดราชบุรี

pv15 pv12pv21 pv16 

  pv22 
 

ประชุมสภามังสวิรัติแห่งโลก ครั้งที่ ๒๔ ณ ประเทศอินเดีย
พ.ศ.๒๕๒๐
ตั้งชมรมอาหารมังสวิรัติแห่งประเทศไทย หลังจากที่กลับจากการไปร่วมประชุม สภามังสวิรัติแห่งโลก ครั้งที่ ๒๔ ณ ประเทศอินเดีย

เป็นสื่อกลางของโลกวิญญาณเพื่อขจัดทุกข์ให้กับชนทุกชั้น
-ทำงานเผยแพร่อุดมการณ์ ๑๐ ประการของสำนักปู่สวรรค์
-ช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยอันเนื่องมาจากวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร หรือถูกอภิญญาฝ่ายดำ หรือถูกกระทำไสยคุณ
-รับเชิญแสดงปาฐกถาธรรมตามสถานที่ต่างๆ เพื่อยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น และพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่

 

ออกบำรุงขวัญวีระบุรุษชายแดน
-ออกบำรุงขวัญและนำยารักษาโรค อาหารแห้ง ผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชแจกแก่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ตามฐานชายแดนทั่วประเทศ
พ.ศ.๒๕๑๖
ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันติภาพแห่งโลกวิญญาณ
พ.ศ.๒๕๒๐ ทำพิธีวันเสียงปืนดับที่หมู่บ้านนาบัว อ.เรณูนคร จ.นครพนม และเสนอแนวคิดในการทำให้ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ยอมวางอาวุธซึ่งต่อมาทางราชการในระดับต่างๆได้นำแนวคิดไปปรับปรุง
ดำเนินการต่อจนสำเร็จทำให้ผู้ก่อการร้ายยอมวางอาวุธเข้ามามอบตัวเพื่อร่วมพัฒนาชาติไทย

พ.ศ.๒๕๑๘ – ๒๕๒๔
ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้ดำเนินงานส่งเสริมภราดรภาพทางศาสนา เพื่อให้เกิดสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์ ได้เดินทางไปพบปะร่วมประชุมปรึกษาหารือ เสนอแนะแนวทางสร้างสันติภาพด้วยพลังทางศาสนา ด้วยการเชื่อมภราดรภาพระหว่างศาสนากับผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา และผู้นำองค์กรทางศาสนาและสันติภาพ และองค์การสหประชาชาติ 
ต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๒๔ สมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นองค์การภาคเอกชนภาคีสหประชาชาติ เนื่องด้วยผลงานที่ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกได้นำเสนอความคิดเห็นแก่สหประชาชาติหลายครั้ง เช่นเสนอให้สหประชาชาติส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปในกัมพูชา และสนับสนุนให้กัมพูชาจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๖ สหประชาชาติ(อันแทค) เข้าดำเนินการจนกัมพูชาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ สิ้นสุดความวุ่นวายในกัมพูชา

 

พบเลขาธิการสหประชาชาติ
พ.ศ.๒๕๒๓
ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกได้นำผลการหยั่งเสียง ชนเผ่าไทยต้องการสันติภาพ ไปยื่นต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ และ ฯพณฯ ดร.เคิร์ท วัลด์ไฮม์ เลขาธิการสหประชาชาติ


พ.ศ.๒๕๒๔
เสนอให้สหประชาชาติประกาศปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นปีสันติภาพสากล สหประชาชาติได้ประกาศวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๒๕ เป็นวันสันติภาพสากล และให้ถือวันที่ ๒๑ กันยายน ของทุกปี เป็นวันสันติภาพสากล ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๙ สหประชาชาติจึงประกาศเป็นปีสันติภาพสากล (Internationnal Year of peace) เป็นต้น

หอประชุมสันติภาพ หุบผาสวรรค์

 หอประชุมสันติภาพเมื่อเริ่มการก่อสร้าง

พ.ศ.๒๕๒๑ – ๒๕๒๔
จัดสร้างหอประชุมสันติภาพและเตรียมโครงการจัดประชุมสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์ในปี พ.ศ.๒๕๒๕ ณ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา มีผู้นำหลายประเทศ ผู้นำทางศาสนา และผู้นำองค์กรศาสนาและสันติภาพตอบรับเชิญ แต่อย่างไรก็ตามผู้ไม่ปรารถนาดีต่อประเทศไทยและไม่ปรารถนาดีต่อสันติภาพ ได้ทุ่มเงิน ล้มโครงการประชุมสันติภาพ และเพื่อทำลายทูตสันติภาพแห่งโลก
โดยยืมมือข้าราชการที่หลงเข้าใจผิดในยุคนั้นสั่งทำลายท่านทูตสันติภาพแห่งโลก และสั่งปิดหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา และสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ทราบในภายหลังว่าเบื้องบนมีแผนให้ยอมล้มหุบผาสวรรค์ เพื่อเป็นการดุลกรรมไม่ให้ประเทศไทยต้องตกป็นคอมมิวนิสต์ และสงครามโลกที่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นได้เลื่อนออกไป (จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว) เรื่องนี้ท่านจะเชื่อหรือไม่เป็นสิทธิเสรีภาพของท่าน


พ.ศ.๒๕๒๕ – ๒๕๒๙
ท่านทูตสันติภาพต้องลี้ภัย เนื่องมาจากสื่อมวลชนลงข่าวทำลายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนท่านถูกตามล่าตัวจากหลายฝ่าย ท่านต้องอยู่อย่างสงบในที่ปลอดภัยเป็นเวลา ๔ ปี ๖ เดือน
ในช่วงนั้นท่านทูตสันติภาพแนะนำให้สานุศิษย์ให้อยู่อย่างสงบ ใช้หลักอหิงสาต่อสู้โดยการสวดมนต์อธิษฐานเพื่อให้โลกเกิดสันติสุข การลี้ภัยเป็นเวลายาวนานทำให้สุขภาพของท่านทรุดโทรมลงไปเป็นลำดับ


พ.ศ.๒๕๒๙
ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกออกจาการลี้ภัย ในปี๒๕๒๙ ซึ่งเป็นปีสันติภาพสากล ท่านพิสูจน์ตนเองโดยใช้ความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนาต่อสู้กับอำนาจมืด  ซึ่งในช่วงนี้เองท่านถูกอภิญญาฝ่ายดำ โหมเล่นงานทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยการพยายามทำลายดวงตา สมอง หัวใจ ทำให้ท่านป่วยทั้งกายทิพย์และกายเนื้อ แต่ท่านก็ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อพิทักษ์ศาสนาและสันติภาพของโลกต่อไป


พ.ศ.๒๕๒๙ – ๒๕๓๔
ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกออกมาต่อสู้คดีส่วนตัวในศาล และผลของคดีคือยกฟ้องท่านทุกคดี ท่านทูตสันติภาพแห่งโลกทำงานเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติและสันติถาพของโลกต่อไป
ในช่วงปี ๒๕๓๔ ท่านถูกล้มเป็นครั้งที่สอง โดยผู้ที่เข้าใจผิดคิดว่าท่านจะจัดตั้งรัฐบาลโลก อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ผู้ที่ล้มท่านในเดือนมีนาคม ๒๕๓๔ ถูกกรรมวิบากทำให้ต้องสิ้นอำนาจลง


เดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕
-สนับสนุนองค์การสภาธรรมนูญโลกในเรื่องกฎหมายโลกและรัฐบาลโลก 


พ.ศ.๒๕๓๐

รณรงค์และพิมพ์หนังสือเรื่องการปลูกป่าและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกเผยแพร่ไปทั่วโลกเพื่อเรียกร้องให้ชาวโลกให้ช่วยกันป้องกัน
-ส่งหนังสือความหวังสุดท้ายของมนุษยโลก ถึงผู้นำทั่วโลกและองค์การศาสนาและสันติภาพทั่วโลก ได้เรียกร้องและรณรงค์เรื่องการลดอาวุธ แนวคิดนี้ส่งผลต่อมาถึงกรณีประธานาธิบดีกอร์บาชอร์พและประธานาธิบดีโรแนลด์ เรแกน ได้เซ็นต์สัญญาลดอาวุธร่วมกัน

 

ท่านอริยวังโสภิกขุ
ชีวิตบรรพชิต
ท่านทูตสันติภาพท่านได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่าเมื่อท่านทำงานรับใช้มนุษยชาติจนกระทั่งอายุ ๕๐ ปีท่านจะเลิกทำงานและบวชเพื่อบำเพ็ญตนในป่าลึกอย่างสงบ และความปรารถนาของท่านก็เป็นผลเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๔ ทูตสันติภาพอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุ ๕๐ ปี มีฉายาทางพุทธศาสนา อริยวังโส ท่านเลิกทำงานเพราะอายุมาก และต้องการใช้เวลาที่เหลือเพื่อบำเพ็ญจิตโดยมอบให้สานุศิษย์ทำงานสืบต่อแทนท่าน และท่านก็ได้ให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆในการดำเนินงาน

พ.ศ.๒๕๓๕
หลังจากบวชแล้ว ท่านขออนุญาตอุปัชฌาย์ไปอยู่บำเพ็ญสมณธรรมและทำสมาธิอย่างสงบในป่า แต่ท่านถูกข้าราชการที่เข้าใจผิดไปบีบคั้นและขับไล่ จึงต้องอยุ่แบบ ไปๆ มาๆไม่แน่นอน

 

อาคารอริยสัจสี่ 
อาคารอริยสัจสี่ ชั้นที่ ๔  สถานที่ปฏิบัติธรรมของศาสนิกชน ผู้ใฝ่ในบุญกุศล

พ.ศ.๒๕๓๖ – ๒๕๓๗ 
จากคำแนะนำของท่าน ทำให้เกิดอาคารอริยสัจสี่ เป็นสถานปฏิบัติธรรมทันสมัย มี ๔ ชั้น ใช้ประกอบกิจกรรมทางศาสนา และใช้งานอเนกประสงค์ในการบำเพ็ญสาธารณกุศลในโอกาสต่างๆ


พ.ศ.๒๕๔๐ 
 แนะนำให้ออกจุลสาร ๑๙๙๙ โลกพินาศ ๒๕๔๒ แผนอยู่รอด เตือนให้ระวังภัยธรรมชาติต่างๆที่จะเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ และแนะแนวทางการอยู่รอด มีผู้เห็นด้วยนำไปพิมพ์เผยแพร่เป็นจำนวนมาก

เจ้าแม่กวนอิมสี่ปางพิทักษ์ไทย

เจ้าแม่กวนอิมปางเหยียบบนเต่า หนึ่งในสี่ปางพิทักษ์ไทย  

อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ภาพบรรยากาศภายในอุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม

- แนะนำให้สร้างองค์สมมติเจ้าแม่กวนอิม ๔ ปางพิทักษ์ไทย ต่อมาสานุศิษย์ได้ขอคำปรึกษาการสร้างอุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อพิทักษ์ศาสนาและสันติภาพของโลก และได้อัญเชิญองค์สมมติดังกล่าวไปประดิษฐานที่ อุทยานแห่งนั้น

ปัญจะเจดีย์พิทักษ์โลก จ.น่าน

ปัญจะเจดีย์พิทักษ์โลก จ.น่าน

 - แนะนำให้สร้างปัญจเจดีย์พิทักษ์โลกที่ จ.น่าน เพื่อช่วยเบี่ยงเบนเทหวัตถุในอวกาศ เช่น ดาวหาง ดาวเคราะห์น้อย หรืออุกกาบาตที่จะพุ่งมาชนโลก(ศึกษารายละเอียดได้ในหนังสือ วิธียุติสงครามจักรวาล โดย พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัตร)


- แนะนำให้ตั้งโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติเพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดินไทย รณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศร่วมกันสวดมนต์อธิษฐานน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และเพื่อรวมพลังจิตตานุภาพยับยั้งแสนยานุภาพ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยและเกิดสันติสุขในประเทศไทย


-ให้คำปรึกษาแก่สำนักงานทูตสันติภาพแห่งโลก ส่งจดหมายเสนอความคิดเห็นในการแก้ไขวิกฤตการณ์ของโลก แก่สหประชาชาติและผู้นำประเทศที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นั้นๆ 

พิพิธภัณฑ์ศาสนาของโลก อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม

พิพิธภัณฑ์ศาสนาของโลก อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม
-ตั้งพิพิธภัณฑ์ ๑๒ ศาสนาของโลก ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ที่อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อให้คนเข้าไปศึกษาค้นคว้าและเข้าถึงหลักศาสนาที่แท้จริง

-แนะนำการเรื่องการสวดมนต์อธิษฐาน และวิธีสร้างกุศลเพื่อดุลกรรมให้กับประเทศ เพื่อให้เกิดสันติสุขในประเทศไทยและโลกมนุษย์หลายครั้ง

- ช่วยเหลือสานุศิษย์ในการให้คำปรึกษา ในเรื่องต่างๆ

- ตั้งกองทุนมอบทุนการศึกษาแก่บุตรหลานของสานุศิษย์ที่ทำงานในอุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม และมอบทุนให้แก่เด็กนักเรียนที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในเขตอำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

สังขารของท่านอริยวังโส

สังขารของท่านอริยวังโสไม่เน่าเปื่อยประดิษฐาน ณ อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม
บั้นปลายชีวิต
เนื่องจากการตากตรำทุ่มเทกายใจทำงานหนักเพื่อมนุษยชาติมาเป็นเวลายาวนาน กอรปกับท่านต้องต่อสู้อย่างอหิงสา และอดทน จากผู้ที่หวังทำลายท่านทั้งภาคมนุษย์และภาควิญญาณ ทำให้กายสังขารของท่านเจ็บป่วยตลอดมา
ท่านอาจารย์อริยวังโสภิกขุ (ศ.ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์)ทูตสันติภาพแห่งโลก ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลเพชรรัชต์ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. ตรงกับวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีวอก สิริรวมอายุ ๖๒ ปี ๑๓ พรรษา
การจากไปของท่านสร้างความเศร้าโศกให้กับสานุศิษย์และผู้ศรัทธา
ในตัวท่านเป็นอย่างยิ่งและนับว่าโลกมนุษย์ได้สูญเสีย บุคคลที่ใช้ทั้งชีวิตอุทิศให้กับการสร้างสันติสุขให้กับมนุษยชาติไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่คุณงามความดีและผลงานเพื่อมนุษยชาติที่ท่านได้ สร้างไว้จะยังคงอยู่ตลอดไปเพื่อพิสูจน์สัจจะของการทำดีที่คงทนต่อการพิสูจน์
สมกับคำที่ว่า “ชาติกำเนิดเป็นเพียงส่วนประกอบ แต่ผลงานเท่านั้นที่ชี้คุณค่า” ท่านเคยกล่าวไว้กับสานุศิษย์ว่า “งานที่เราทำนั้นอีกร้อยปีกว่าคนทั้งหลายจะเข้าใจ” 

 
Contribute!
Books!
Shop!