ความหวังสุดท้ายของมนุษยโลก
- Details
- Category: ทูตสันติภาพ_cat
- Published on Saturday, 18 March 2023 16:58
- Written by Super User
- Hits: 402
ความหวังสุดท้ายของมนุษยโลก
บทนำ
ในโลกของความขัดแย้งหาสันติภาพไม่ได้ในปัจจุบัน ประเทศต่าง ๆ พยายามสร้างแสนยานุภาพ
ของตนเพื่อปกป้องอธิปไตยและสร้างเงื่อนไขเพื่อได้เปรียบในทางเศรษฐกิจ เช่น การแสวงหาตลาดต่างประเทศ จะได้มีรายได้เข้าประเทศ มีฐานะมั่งคั่งขึ้น รวมทั้งสร้างแสนยานุภาพเพื่อทำให้ตนเองมีความสำคัญในสายตาของประชาคมโลก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์หลาย ๆ อย่างตามธรรมดาของผู้หวังประโยชน์ส่วนตน
การสร้างความสำคัญให้แก่ตนเองในโลกปัจจุบัน ประเทศทั้งหลายเลือกใช้วิธีสร้างความแข็งแกร่ง
ให้ประเทศของตัวโดยสะสมอาวุธและพัฒนากองกำลังทหาร โดยทุ่มเทงบประมาณเพื่อการเหล่านี้
อาวุธที่ประเทศต่าง ๆ ผลิตหรือจัดหาได้มาไม่ว่าโดยทางใด ๆ เป็นอาวุธทำลายร้ายแรงที่สุดยิ่งกว่า
ที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์การทำลายล้างระหว่างมนุษย์ด้วยกันและโดยวิธีการง่ายที่สุดเพียงกดปุ่ม เป็นต้น และเป็นอาวุธที่จะก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านนิเวศวิทยา คือทำลายสภาพพื้นดิน ท้องฟ้า อากาศ ลำน้ำ และธรรมชาติทุกสิ่งทุกอย่างให้แหลกลาญย่อยยับจนเชื่อกันว่า ถ้าสงครามนิวเคลียร์ระเบิดขึ้นคราวนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในโลก เช่นบางประเทศจะจมหายไปในมหาสมุทรคนจะล้มตายเกือบหมดโลก และ
ที่อยู่ก็ต้องผจญกับ โรคร้ายไม่มีทางรักษาหายได้ต่อไปจนกว่าจะตายไปเรื่อย ๆ จะเกิดเหมันต์นิวเคลียร์และอากาศตลอดจนฤดูกาลจะวิปริตผิดแปลกไปจากเดิม พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่อาจดำรงชีพอยู่ได้ สัตว์ทั้งหลายก็ล้มตายเช่นเดียวกับมนุษย์ บรรยากาศสกปรกและมืดมิดเหมือนดวงอาทิตย์ได้ดับลงไปแล้วและที่สำคัญจิตใจมนุษย์จะแหลกลาญ อารยธรรมที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกทำลายไปด้วยจนหมดสิ้น บัดนี้ เรามาถึงทางเลือกว่า
โลกเราควรมีสงครามหรือสันติภาพ
ถ้าโลกต้องการสันติภาพ เราจะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและจะทำอย่างไรจึงจะให้สันติภาพนั้นสามารถธำรงอยู่ได้ตลอดกาลนาน
ข้าพเจ้าพบคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ และเป็นที่น่ายินดีว่า คนส่วนมากในโลกเริ่มหันมาสนใจและสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานเพื่อสันติภาพที่ข้าพเจ้าเสนอและลงมือดำเนินงานให้เห็นบางส่วนแล้วนี้มากขึ้นทุกที ๆ
ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจที่ขอเสนอหลักการเพื่อสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์แก่ท่านดังที่ปรากฎในหนังสือคู่มือ เพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ เล่มนี้
ข้าพเจ้ามีความกระตือรือร้นที่จะเห็นความร่วมมือร่วมใจอย่างจริงใจ และจริงจังของผู้ปรารถนาสันติภาพทั้งมวลซึ่งแน่นอนย่อมรวมทั้งท่านด้วย เพื่อความสำเร็จของยุคสมัยของเรา ในการปกปักรักษา
ดาวพระเคราะห์ที่สวยงามดวงนี้ไว้เพื่อมนุษยชาติสืบต่อไป
เพื่อสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์
สุชาติ โกศลกิติวงศ์
ทูตสันติภาพแห่งโลก
ประธานคณะกรรมาธิการลดอาวุธขององค์การสภาธรรมนูญโลก
นายกสภาศาสนาสัมพันธ์แห่งโลก
แนวความคิด ของ ทูตสันติภาพแห่งโลก เสนอต่อ ชาวโลกในที่ต่าง ๆ
จะทำอย่างไรให้โลกเกิดสันติภาพ
ก่อนอื่น เราท่านต้องเข้าใจถึงสภาพความจริงว่าอะไรคือทรัพยากรของโลก ก็คือว่า มนุษย์เป็นพลโลก มนุษย์เป็นทรัพยากรของโลก เปรียบเสมือนหนึ่งแต่ละประเทศ ถ้าไม่มีประชากร ย่อมไม่มีรัฐบาลรัฐบาลจะอยู่ได้เพราะมีประชาชนให้ปกครอง ถ้ามติของประชาชนทั้งโลกบีบเข้าไปผู้นำทางโลกที่มีไม่กี่คน
ซึ่งโลกในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ล้วนแต่ไม่ต้องการสงคราม แต่บุคคลที่จะก่อสงครามนั้นเพียงผู้นำของโลกหรือผู้นำของประเทศอภิมหาอำนาจเพียงไม่กี่คน และผู้นำของประเทศต่าง ๆ อีกร้อยกว่าคนเท่านั้น
ทนทางใหม่สู่สนติภาพที่ทุกฝ่ายกำลังจ้องจับตาดู
ในอดีตสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 นั้น ล้วนเกิดจากผู้นำเพียงไม่กี่คนที่มีจิตใจสกปรก จิตใจเต็มไปด้วยโทสะจริต จิตใจเต็มไปด้วยโมหะจริตและเราปล่อยให้นักการเมืองแก้ปัญหาโลก ก็เกิดลัทธิคอมมิวนิสต์และลัทธิประชาธิปไตย เราปล่อยให้นักการเศรษฐกิจแก้ปัญหาโลก ก็เกิดชนชั้นมีกับชนชั้นจนขึ้นมา ดังนั้นหนทางที่จะทำให้ผู้นำเพียงไม่กี่คนนี้ลดโมหะจริต ลดโทสะจริตได้นั้น ก็คือต้องเอาธรรมะ เอาพลังเย็น
เอาศาสนาเข้าไปชะล้างชำระจิตใจของเขาเหล่านั้นไม่ให้ตกอยู่ในการยึดมั่นในทางโทสะ โมหะ นั่นคือการใช้พลังศาสนาเข้ายับยั้งสงคราม
พลังศาสนาความหวังสุดท้ายที่จะยับยั้งสงครามโลก
ขณะนี้โลกกำลังร้อน เราจึงต้องการผู้นำศาสนาเข้ามาช่วยแก้ไข ทุกศาสนาไม่เคยสอนให้คนรบและต่อสู้กัน แต่สงครามเกิดขึ้นเพราะคนเข้าไม่ถึงศาสนา เข้าไม่ถึงธรรมชาติและความเป็นคน
ถ้าผู้นำศาสนาทุก ๆ ศาสนาเข้าถึงคัมภีร์ของตนจริง ๆ เข้าถึงพระเจ้าที่ตนนับถือ นำความดีของ
พระเจ้าและความดีของคัมภีร์นั้นมาตีแผ่ พยายามเปลี่ยนความคิดของมนุษย์ที่มีตัวโลภกับตัวหลงอยู่
ให้คลี่คลายเบาบางลงไปได้แล้ว สันติสุขอันแท้จริงก็จะเกิดขึ้นได้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้มีศาสนาต้องลงทุนทำกันอย่างจริงจัง ก็คิดว่าจะแย่งชิงสันติภาพกลับมาได้ และจะเป็นการเตือนสติผู้นำของโลกให้กลับจิตกลับใจ หันมาสะสมธรรมะ อย่าสะสมอาวุธ
สันติภาพอันแท้จริงของโลกจะเกิดขึ้นได้นั้นจะต้องได้มาด้วยพลังศาสนา พลังของศาสนาเป็นพลังเย็น พลังของศาสนาเป็นพลังแห่งสันติ ถ้าสามารถรวมพลังทุก ๆ ศาสนามาร่วมกันทำงานแก้ปัญหาของโลกแล้ว พลังนี้ก็จะเป็นพลังอันมหาศาลเหนือพลังใด ๆ ในโลก จึงเป็นวิถีทางสุดท้ายที่จะยับยั้งสงครามโลกต่อไป
ฉะนั้น จึงถึงเวลาที่นักการศาสนาต้องก้าวออกมาแก้ไขสถานการณ์ของโลก และต้องเป็นนัก
การศาสนาที่แท้จริง ไม่ใช่นักการศาสนาจอมปลอม
นักการศาสนาที่แท้จริงนั้นจะไม่มีการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ และจะไม่ทำเพื่อชื่อเสียง จะไม่ทำเพื่อลาภสักการะ แต่ทำเพื่อมนุษยชาติ
ต่างต้องการสันติภาพ
สันติภาพเป็นสิ่งที่มนุษยชาติปรารถนา แต่การกระทำของมนุษย์กลับตรงกันข้ามกับสิ่งเหล่านี้เพราะมนุษย์ตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมฝ่ายต่ำ จึงเดินไปสู่เป้าหมายแห่งความกลัวนั้น โดยสร้างอาวุธขึ้นมาประหัตประหารกัน ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเหล่าผู้นำศาสนาและสันติภาพของโลกจะต้องร่วมกันขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป เวลานี้ที่โลกเกิดความวุ่นวาย เพราะทุกฝ่ายไม่มีความจริงใจต่อกัน และทุกฝ่ายตั้งอยู่ในความระแวง ทุก ๆ ฝ่ายว่าต้องการสันติภาพ แต่ว่าคนหนึ่งตะโกนต้องการสันติภาพอยู่ที่วอชิงตัน คนหนึ่งตะโกนว่าต้องการสันติภาพอยู่ที่มอสโก คนหนึ่งก็ตะโกนต้องการสันติภาพอยู่ที่ปักกิ่ง ถ้าตะโกนกันอย่างนี้ไม่มีวันถึงสันติภาพได้ เป้าหมายให้โลกเกิดสันติภาพจึงต้องเชิญทุกฝ่ายมาร่วมตะโกนกันในบรรยากาศแห่งศาสนา
แนวทางสู่สันติภาพ
เรื่องของสันติภาพนั้นมีหลายระดับ ถ้าพูดถึงธรรมชาติมนุษย์เรากินอิ่ม กิเลสตัณหาย่อมเกิดเพราะฉะนั้น จะระงับกิเลสตัณหาก็ด้วยการภาวนาถึงพระเจ้าที่ตนนับถือ แนวทางนี้จึงจะเป็นแนวทางที่
สู่สันติภาพอันแท้จริง เพราะการที่เราได้สามารถทำให้เกิดสันติภาพได้นั้น เราจะต้องเริ่มด้วยการมีสันติภาพในตัวของเราก่อน คือ ตัวเราต้องมีสันติภาพในจิตใจเป็นพื้นฐาน
สันติภาพจากตัวเรา จนเป็นสันติภาพครอบครัวถึงสันติภาพหมู่บ้าน สันติภาพตำบล สันติภาพประเทศและถึงสันติภาพโลก เพราะฉะนั้น สันติภาพมันเป็นลูกโซ่ มันไม่ใช่ว่าสันติภาพมันแค่นั้นแค่นี้ สันติภาพไม่มีขอบเขตที่จะนับ
แนวทางสู่สันติภาพมี 2 แนวทาง คือ
1. เราต้องปลุกระดมให้ทุกคนเข้าถึงศาสนาและเข้าถึงพระเจ้าที่ตนนับถือ
2. เราจะทำอย่างไรจึงจะเข้าไปเชิญพวกผู้นำให้คุยกันอย่างจริงจัง เมื่อนั้นสันติภาพของโลกก็เกิดได้
แผนพลิกโลก
นับเป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่เราพยายามเรียกร้องว่าต้องการสันติภาพ เราให้พวกพลังของนักการเมืองแก้ไขก็แล้ว พลังของฝ่ายทหารแก้ไขก็แล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ เราก็ควรใช้พลังทางศาสนาแก้ไขบ้าง พลังศาสนาแก้ไขได้อย่างไร นี่มาเข้าสู่เป้าคือ
1. ให้ทุกคนเข้าถึงการเป็นคนว่า คนเราเกิดมาต้องการอะไร สิ่งที่เราต้องการจะวิจัยมาจากผู้นำศาสนาทุกฝ่าย แล้วให้ทุกคนคิดถึงความตายเป็นสรณะ มนุษย์เราเกิดมาอยู่ไม่ถึงร้อยปีก็ต้องตายอาวุธที่สะสมไว้เข่นฆ่า
ตายแล้วเอาไปได้ไหมถ้าเราสามารถให้มนุษย์ทั้งโลกเข้าซึ้งถึงสัจจะข้อหนึ่ง เราเกิดมาทำไม มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ตายแล้วจะไปไหน ถ้ามนุษย์ทุกคนหันมาค้นสัจจะในข้อนี้และเข้าถึงสัจจะแล้ว เราถือว่าสันติสุขย่อมเกิดขึ้นได้
2. การสร้างพลังศาสนานั้นก็จำเป็นต้องสร้างวัตถุ วัตถุเป็นจุดดึงดูดคนเข้ามาก่อน เข้ามาแล้วก็เชิญผู้นำศาสนามาร่วมประชุมกัน แล้วถ้าเป็นไปได้อีกก็เชิญผู้นำของโลกมาประชุมเพื่อหามาตรการยุติกันว่า มนุษย์ต้องการอะไร มนุษย์เกิดมาแล้วอยู่เพื่ออะไร เรามาหาข้อยุติสองข้อนี้ก่อน แล้วเอาสองข้อนี้เป็นมติแล้วให้ทุกประเทศไปปฏิบัติ พยายามบ่มเข้าไปทุก ๆ วัน ฟังกันเข้าไป แบบเราสวดมนต์สวดทุกวันก็จำได้ มันก็เกิดสันติได้
3. รวมพลังฝ่ายธรรมะ โดยทำการเชื่อมผู้นำศาสนาต่าง ๆ ให้บังเกิดเป็นพลังของศาสนา เพราะว่าศาสนาทุก ๆ ศาสนานั้นสอนให้คนเป็นคนดี ไม่มีศาสนาไหนมาสอนให้คนเป็นคนชั่ว และเราเชื่อแน่ว่าศาสนาทุก ๆ ศาสนามาจากที่เดียวกัน คือมาจากโลกวิญญาณ และก็ศาสนาทุก ๆ ศาสนาไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน ก็คือไปโลกวิญญาณหรือโลกของพระเจ้า
เป้าหมายยับยั้งสงคราม
การที่จะรวมพลังของศาสนาเพื่อยับยั้งสงครามนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน คือ
1. รวมกลุ่มให้บังเกิดความสามัคคีในโลกมนุษย์
2. ขจัดข้อโต้แย้งของศาสนาให้หมดไป เพื่อให้เกิดภราดรภาพของศาสนา
3. ส่งเสริมศาสนิกชนทุกศาสนาให้บังเกิดมนุษยสัมพันธ์อันดีต่อกัน
4. ส่งเสริมให้ทุกคนมีมนุษยธรรมประจำใจ
5. ดำเนินการทุกวิถีทางให้เกิดสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์
ศัตรูของนักสันติภาพ
การที่จะให้โลกเกิดสันติภาพได้นั้น สิ่งที่จะต้องระวัง คือ ผู้ปรารถนาสงครามที่มีอำนาจทางการเมือง การเงิน การเศรษฐกิจ ที่แทรกซึมอยู่ทุกมุมโลก เขาเหล่านี้ไม่ต้องการสันติภาพ พวกเราจะมีมาตรการอะไรที่จะระงับขบวนการเหล่านี้ ที่เขาไม่ต้องการให้โลกเกิดสันติภาพ คือ
1. ขบวนการพ่อค้าสงคราม เขาเหล่านี้อาศัยการสงครามเพื่อตั้งตัวเป็นเศรษฐีขึ้นมา
2. ขบวนการพ่อค้าอาวุธ เขาเหล่านี้ย่อมไม่ปรารถนาสันติภาพเพราะสันติภาพไม่สามารถสร้างให้เขาเป็นเศรษฐีได้
3. ขบวนการเจ้าของโรงงานอาวุธ เขาเหล่านี้ไม่ปรารถนาสันติภาพ เพราะโลกนี้มีสันติภาพเมื่อใดพวกเขาไม่สามารถตั้งโรงงานอาวุธอยู่ได้
4. ขบวนการมาเฟีย พวกนี้เป็นพวกค้ายาเสพติด ของผิดกฎหมาย ขบวนการนี้ก็ไม่ต้องการให้โลกเกิดสันติภาพ
ฉะนั้นผู้ที่ทำงานสันติภาพจะต้องต่อสู้กับขบวนการเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว ขบวนการเหล่านี้จะอาศัยอำนาจของรัฐบาลท้องถิ่นทำลายเสีย จึงขอให้ผู้มีความปรารถนาดีต่อสันติภาพของโลกจงระวังให้ดี
ชัยชนะแห่งการช่วงชิงสันติภาพ
วิธีการที่เราจะต่อสู้เพื่อนำมาซึ่งชัยชนะแห่งสันติภาพของโลก ก็คือ เราจะต้องเอาชนะขบวนการเหล่านี้ด้วยมาตรการดังนี้คือ
1. การรวมตัวของผู้นำศาสนาทุกศาสนาเข้าหากัน ด้วยความจริงใจและสามัคคี
2. รวมตัวนักการทูตที่ปรารถนาดีต่อสันติภาพของโลกด้วยความจริงใจและสามัคคี
3. รวมตัวสมาชิกสภาผู้แทนในสภานิติบัญญัติของโลก ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างจริงใจ
4. หาทางจัดประชุมสันติภาพอันถาวรในโลกมนุษย์โดยเชิญผู้นำทางศาสนาและผู้นำทางโลกมาร่วมประชุมกันชี้ให้เห็นว่าคนเราเกิดมาทำไม แล้วมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ตายแล้วจะไปไหน เราต้องมาว่าหัวข้อนี้ก่อน เมื่อผู้นำเขาอภิปรายถึงหัวข้อนี้แล้ว เขาจะได้ใช้สติของเขาคิดเข้าไป เขาจะคิดว่าทุก ๆ ชีวิตจะต้องตาย ไม่ต้องไปรบ
กันหรอก เมื่อปัญหานี้แก้ตกไป ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาเรื่องอาวุธก็จะตกไปเอง ก็ย่อมที่จะทำลายโรงงานอาวุธปรมาณูหรือนัยหนึ่งว่าการประชุมลดอาวุธ ก็ง่ายเข้า แต่เวลานี้เราไม่ประชุมเรื่อง
ตัวเองก่อน คือประชุมแต่เรื่องข้างนอก ไม่ประชุมถึงเรื่องความจริง เราจึงใช้หลักอันนี้มาประชุม
5. หาทางจัดตั้งรัฐบาลโลกให้สำเร็จโดยเร็ว
...........................................................