ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนของประเทศไทยทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นมีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับกองกำลังฝ่ายตรงข้ามที่มีเป้าหมายที่จะทำลายและยึดครองเอกราชของชนชาติไทย
ด้วยความห่วงใยและจุดยืนของสำนักปู่สวรรค์ที่ว่า "ไม่มีเอกราช ศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร ประชาชนหิวกระหาย สันติสุขย่อมเกิดขึ้นไม่ได้" จึงได้จัดตั้ง"คณะธรรมทูตสำนักปู่สวรรค์"โดยมี อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักปู่สวรรค์เป็นหัวหน้าคณะ ออกเดินทางตระเวณสู่สมรภูมิรบชายแดนทั่วประเทศไทย เพื่อออกไปบำรุงขวัญ ให้กับทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร พลเรือนผู้ปฏิบัติงานเสี่ยงภัยเพื่อความอยู่รอดของเอกราชชาติไทยทุกพื้นที่ โดยการจัดคณะวงดนตรี "สวรรค์บันดาล" ขับกล่อมเพลงรักชาติ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ
การมอบสิ่งของจำเป็นประเภทของกินของใช้ และสำคัญที่สุดคือการมอบ "ผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช"สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่ประจุพลังของเทพพรหมและวีรกษัตริย์ไทยเอาไว้เต็มเปี่ยม เพื่อปกป้องคุ้มครองนักรบชายแดนให้มีความปลอดภัย
ประสบการณ์ของผู้มีผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชมีมากมาย จนเป็นคำเล่าลือว่า ผู้ที่ได้รับผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชไปและพกติดตัวตลอดไม่มีผู้ใดเสียชีวิตในที่รบ ทำให้ชื่อเสียงของผ้ายันต์ที่เป็นที่ร่ำลือขจรขจายในยุคนั้น คณะธรรมทูตสำนักปู่สวรรค์ออกเดินทางไปบำรุงขวัญครั้งแรกเมื่อ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๕ และสิ้นสุดในปี พ.ศ.๒๕๒๒