ความเป็นมาขององค์พระเยซู บนยอดเขาถ้ำพระ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
- Details
- Category: บทความประวัติศาสตร์
- Published on Saturday, 17 August 2013 04:40
- Written by Super User
- Hits: 11926
บทความสวรรค์รำลึก เรื่อง : ความเป็นมาขององค์พระเยซู บนยอดเขาถ้ำพระ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
องค์สมมติพระเยซูประดิษฐานบนยอดเขายอดหนึ่งในเทือกเขาถ้ำพระ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
เดือนธันวาคม อากาศเย็นๆแบบหน้าหนาวเมืองไทย ฤดูนี้ท้องฟ้าแจ่มใสอากาศเป็นใจให้ท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง หลายท่านที่ชอบขับรถท่องเที่ยว อาจเคยได้ผ่านไปแถว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ถ้าท่านลองสังเกตดีๆ จะมีภูเขาหินอยู่ลูกหนึ่งที่ดูสะดุดตา เพราะมีสิ่งก่อสร้างอะไรอยู่บนนั้น เมื่อลองขับรถเข้าไปใกล้ๆก็จะพบว่ามี พระเจดีย์สีทอง กับพระพุทธรูปยืนดูสำรวมสงบนิ่ง และที่สำคัญเมื่อมองไปถัดไปอีกด้านจะพบกับรูปปั้นขององค์พระเยซู พระศาสดาของศาสนาคริสต์ ทรงยืนผายพระหัตถ์แผ่ความเมตตา แค่นี้ท่านก็คงเกิดความสนใจอยากรู้ที่มาที่ไปขององค์พระเยซูบนเขานี้แล้วกระมัง บทความประวัติศาสตร์สวรรค์รำลึกเดือนธันวาคม จะนำท่านย้อนเวลาไปรับทราบที่มากัน
ภราดรภาพทางศาสนาจุดเริ่มต้นของสันติภาพอันถาวร
เมื่อสมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีจุดหมายปลายทางที่จะนำพลังทางศาสนาเพื่อยุติสงครามและความขัดแย้งในโลกซึ่งสถานการณ์ความขัดแย้งของโลกในขณะนั้นมีแนวโน้มที่จะบานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สามได้ จึงเกิดโครงการภราดรภาพทางศาสนาขึ้น โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นที่การเจริญความสัมพันธ์กับคริสต์ศาสนาโลก โดยมีหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาเป็นศูนย์กลางในการเสริมสร้างภราดรภาพนั้น ได้จัดทำโครงการสร้างองค์พระเยซูคริสต์ ขึ้นบนยอดเขายอดหนึ่งในเทือกเขาถ้ำพระ ( ในขณะนั้นหุบผาสวรรค์ได้จัดสร้างองค์พระพุทธรูปสูง ๙ เมตร เป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว )
เมื่อตกลงใจเป็นที่แน่นอนแล้วคณะกรรมการสมาคมศาสนาสัมพันธ์จึงได้ทำการติดต่อกับทางฝ่ายคริสต์ศาสนา แสดงความประสงค์ที่จะจัดคณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์เดินทางไปนครวาติกันประเทศอิตาลีเพื่อความประสงค์หลัก ๒ ประการคือ
๑.เพื่อขอรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ มาบรรจุในองค์สมมติพระเยซูเจ้าที่จะจัดสร้าง
๒.เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปะปาปอลที่๖ กราบทูลความประสงค์ของโครงการภราดรภาพทางศาสนา ตลอดจนโครงการที่จะสร้างองค์สมมติพระเยซูคริสต์เจ้า บนยอดเขายอดหนึ่งของเทือกเขาเสือหมอบ อาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
เสกพระรูปพระเยซู เพื่อการเริ่มต้น
เมื่อการติดต่อกับทางฝ่ายคริสต์สำเร็จผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการสมาคมศาสนาสัมพันธ์ในนามของฝ่ายพุทธร่วมกับผู้แทนฝ่ายคริสต์ ร่วมกันจัดพิธีเสกพระรูปพระเยซูคริสต์ ณ อาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๐
เริ่มต้นการเดินทาง
๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๐ คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ จำนวน ๘ ท่านเดินทางจากประเทศไทยไปสู่ประเทศอิตาลี ประกอบด้วย
๑.พระเทพโสภณ ขณะนั้นท่านมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าอาวาสพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เจ้าคณะภาค ๑๔
๒.พระสังฆราช เปโตร กาเร็ตโต เจ้าคณะสังฆมณฑลภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้รับผิดชอบงานศาสนาสัมพันธ์แห่งกรุงวาติกันในประเทศไทย
๓.อาจารย์สุชาติ โกศลกิตวงศ์ นายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ผู้อำนวยการอาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
๔.คุณบุญยง ว่องวานิช อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายกยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
๕.อาจารย์สิงโต จ่างตระกูล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อาจารย์ใหญ่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
๖.คุณปรีชา ชุ่มใจ อดีตเลขาธิการ องค์การยุวพุทธิกศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก
๗.คุณเมธี เรืองอุตมานันท์
๘.คุณสิทธิชัย ตั้งตรงจิตร ไวยาวัจกรของพระเทพโสภณ
เข้าเฝ้าพระสันตะปะปา ปอลที่๖
วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นวันที่จะต้องจดจำอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ได้รับโอกาสให้เข้าเฝ้าพระสันตะปะปาปอลที่ ๖ เหตุการณ์นี้ท่านพระสังฆราชคาเร็ตโต ได้เขียนบันทึกไว้ว่า
คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์เข้าเฝ้าพระสันตะปะปาปอลที่๖
“คณะของเราได้เข้าเฝ้าเป็นพิเศษเวลา ๑๒.๔๐ น. สมเด็จพระสันตะปะปา พร้อมด้วยคณะผู้ติดตามได้เข้ามาในห้องที่คณะเรารออยู่ ข้าพเจ้าได้เป็นผู้แสดงความเคารพก่อน แล้วจึงแนะนำชื่อ ฐานะ หน้าที่ของผู้เฝ้าแต่ละคน พระองค์ทรงต้อนรับ จับมือกับทุกคนด้วยความเป็นมิตร ทำให้เรารู้สึกว่า อยู่ต่อหน้าผู้ที่น่าเคารพและเป็นกันเองที่สุด พระองค์ได้ตรัสกับคณะของเรา โดยทางข้าพเจ้าว่า ทรงรู้จักประเทศไทยดี ทรงรักประเทศไทยมากและเคารพประมุขของประเทศ เพราะชาวไทยมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา....
…พระองค์แสดงความสนพระทัยในความคิดเห็นต่างๆของคณะทูตสันติภาพของเราทรงอ้อนวอนขอให้พระผู้ศักดิ์สิทธฺ์โดยเฉพาะพระผู้สร้างได้อวยพรแก่เราทุกคน
...จากนั้นทรงเชื้อเชิญทุกคนสงบอารมณ์ภาวนาและอธิษฐานต่อพระเจ้า ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่ละคนนับถือ เพื่อจุดมุ่งหมายของคณะเราได้บรรลุผลสำเร็จ จากนั้นทรงมอบเหรียญที่ระลึกแก่ทุกคน ก่อนจากทรงเชื้อเชิญเราทุกคนยืนรอบพระองค์และถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกในโอกาสอันสำคัญยิ่งนั้น"
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงกล่าวข้อความอันสำคัญที่เป็นดังพลังใจให้กับคณะธรรมทูตสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ไว้ว่า
“ คณะของท่านมีความคิดริเริ่มดี และกล้าก้าวออกมาทำงาน
บางคนได้แต่คิด แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกหรือกล้าทำตามที่คิด ”
สิ่งศักดิ์สิทธิ์จากโรม
เมื่อได้เข้าเฝ้าพระสันตะประปาเป็นที่เรียบร้อยแล้วคณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ได้ออกเดินทางเพื่อไปอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า โดยเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ เช่น อุโมงค์ใต้ดินหรือกาตากอมบ์(Catacomb) ซึ่งเดิมเป็นที่ฝังศพของคริสตัง แต่เมื่อยุคของชาวคริสต์มีภัยสถานที่แห่งนี้จึงถูกใช้เป็นสถานที่หลบซ่อน สำหรับคริสตังที่ถูกทางการไล่ล่า เพราะไม่ยอมทิ้งศาสนาของตน , อุโมงค์นักบุญกลาริสโต เป็นต้น สรุปได้ว่าในกรุงโรมคณะธรรมทูตได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือ
๑.ดินศักดิ์สิทธิ์จากหลุมฝังพระศพอดีตสันตะปะปาและดินศักดิ์สิทธิ์ที่อุโมงค์ Catacombs
๒.ดินศักดิ์สิทธิ์จากถ้ำแม่พระเมืองลูร์ด
๓.กิ่งมะกอก(Olive Tree) จากสวนวาติกันซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
เดินทางต่อไปสู่แดนเกิดองค์พระเยซู
วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๐ คณะธรรมทูตออกเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศอิตาลี มุ่งสู่กรุงเทลาวีฟ ประเทศอิสราเอล เพื่อเข้าพบ พระอัครสังฆราช เจมส์ เบลตริสตี (James Betriti)แห่งเยลูซาเลมประมุขของคริสต์ชนทั่วอิสราเอล เมื่อคณะธรรมทูตได้เข้าพบท่าน ได้ถวายพระไตรปิฎกภาษาไทยเล่มใหญ่ครบชุดจำนวน ๔๕ เล่มพร้อมตู้หนังสือ แด่ท่านอัครสังฆราช จากนั้นอาจารย์สุชาติโกศลกิติวงศ์ ได้กล่าวถึงจุดหมายในการเดินทางมา นั่นคือการมาสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่าง ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และฮิบรู ท่านอัครสังฆราชกล่าวว่าท่านมีความปลื้มปีติเมื่อได้รับข่าวการมาของคณะ ท่านได้จัดเตรียมสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญชิ้นหนึ่งเพื่อมอบให้กับคณะธรรมทูตสมาคมศาสนาสัมพันธ์โดยเฉพาะ นั่นคือ ท่านได้สั่งให้คนของท่านไปสกัดหินชิ้นหนึ่งจากยอดเขากัลวาริโอ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ทั่วโลก เพราะเป็นสถานที่ที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนในปี ค.ศ.๓๓ ท่านได้เตรียมศิลานี้ไว้ในกล่องสวยงามพร้อมด้วยตราประทับรับรองของท่านเพื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นของแท้ที่ได้มาจากยอดเขากัลวาริโอจริง จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปยังเมืองเบธเลเฮม สถานที่เกิดของพระเยซู
ในการเดินทางมาสู่เยลูซาเลมในครั้งนี้คณะธรรมทูตได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญคือ
๑.ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์จากยอดเขากัลวาริโอ
๒.ดินศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่เกิดของพระเยซูคริสต์
กลับสู่ประเทศไทยเพื่อก้าวงานต่อไปสู่สันติภาพ
เมื่อคณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์สำเร็จภารกิจในการเข้าเฝ้าพระสันตะประปา และอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับพระเยซูและคริสต์ศาสนากลับสู่ประเทศไทยแล้ว ได้เดินทางกลับในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๐
วันที่ ๑๘ – ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๐ คณะธรรมทูตศาสนาสัมพันธ์ได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากวาติกันและเมืองเยลูซาเลม มาประดิษฐานชั่วคราวที่สำนักปู่สวรรค์ เพื่อให้ศาสนิกชนได้สักการะ จากนั้นวันที่ ๒๘ เดือนเดียวกัน ได้จัดขบวนอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์เดินทางไปสู่อาณาจักรหุบผาสวรรค์ ขบวนอัญเชิญในวันนั้นจัดอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เมื่อมาถึงอาณาจักหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาได้จัดให้มีพิธีต้อนรับและประดิษฐาน ไว้ที่หอประชุมอาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา
นิทรรศการผลงานของคณะธรรมทูต
วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๐ สมาคมศาสนาสัมพันธ์ ได้จัดนิทรรศการผลงานของคณะธรรมทูตกับคริสต์ศาสนา เป็นการแสดงผลงานของการบุกเบิกด้านภราดรภาพทางศาสนา มีประชาชนให้ความสนใจเข้าชมในวันเปิดงานประมาณ ๘,๐๐๐ คน
ในงานนี้ได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงเป็นประธานเปิดงาน
พระสังฆราช เปโตร คาเร็ตโต เจ้าคณะสังฆมณฑลภาคใต้จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประธานศาสนาสัมพันธ์แห่งนครวาติกันประจำประเทศไทยเป็นประธานกรรมการจัดงาน
พิธีวางศิลามงคลเพื่อเริ่มสร้างองค์พระเยซู
พิธีเสกทางคริสต์ศาสนา
พิธีเจิมและวางศิลามงคลองค์พระเยซู
วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๐ สมาคมศาสนาสัมพันธ์ได้จัดพิธีเจิมและวางศิลามงคลองค์สมมติพระเยซูคริสต์ โดยมี นายแพทย์บุญสม มาร์ติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นเป็นประธานในพิธี คุณวัชระ สิงคิวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานกรรมการจัดงาน เจ้าคุณพระเทพโสภณ เจ้าคณะภาค ๑๔ เป็นประธานฝ่ายพุทธ
ทางฝ่ายคริสต์มี พระสังฆราช เปโตร คาเร็ตโต เป็นประธาน พร้อมด้วย บาทหลวงสนิท ลุลิตานนท์ บาทหลวงสุรินทร์ ซุ่นฟุ้ง รวมทั้งคณะนักเรียนโรงเรียนคริสต์ศาสนา
งานได้ดำเนินไปตามวาระอย่างราบรื่น ท่ามกลางความชื่นชมโสมนัสของประชาชน เป็นอันว่าโครงการจัดสร้างองค์พระเยซูบนยอดเขาได้ผ่านขั้นตอนอันละเอียดอ่อนไปแล้ว และพร้อมที่จะเริ่มก่อสร้างต่อไป
องค์สมมติพระผู้ไถ่บาปปรากฏบนยอดภูเขาแห่งศาสนาอย่างงามสง่า
เมื่อได้ทำพิธีวางศิลามงคลแล้ว ก็ได้ทำการก่อสร้างองค์สมมติตามแบบที่ได้วางไว้ การสร้างสำเร็จในปี พ.ศ.๒๕๒๒ เป็นองค์สมมติประทานพระพร (กางพระกรออกสองข้าง ) สูง ๙ เมตร ประดิษฐานหันพระพักตร์สู่สันติเจดีย์ทำนองเดียวกับพระพุทธรูปที่ได้สร้างสำเร็จไปก่อนหน้านั้น มีคริสต์ศาสนิกชนทั้งฝ่ายบรรพชิตและสัตบุรุษพากันไปสักการะบูชาและทำพิธีมิสซาอยู่เสมอตลอดมา
จะเห็นได้ว่ากว่าที่จะสร้างองค์สมมติพระเยซูเจ้าบนยอดเขาแห่งนี้ได้ คณะกรรมการจัดสร้างต้องใช้ความพยายามอย่างสูงสุดประกอบกับความสุขุมรอบคอบในการวางแผนงานเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเข้าใจกัน และความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงของ ศาสนิกชนทั้งพุทธและคริสต์ และนั่นอาจเป็นความประสงค์อันแท้จริงของพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่ต้องการให้มนุษย์ในโลกอยู่กันอย่างสันติ ไม่เบียดเบียนกัน ไม่ก่อสงครามกัน ดังคำอมตะของท่านอริยวังโส ภิกขุ (ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์ )
อดีตนายกสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ที่ว่า
“มนุษย์ในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นญาติมิตรครอบครัวเดียวกัน
เราหัวเราะกันได้ ยิ้มกันได้ จะเป็นศรัตรูกันเพื่ออะไร ”
คตินี้เมื่อเราพิจารณาด้วยความตั้งใจเมื่อเราเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็จะทำให้จิตของเราสงบเย็นลงได้ ความสุขก็จะมาเยือนเหมือนลมหนาวที่มาเยือนในเดือนธันวาคม
อย่างไรท่านที่มีโอกาสผ่านไปแถวๆตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี มองไปไกลๆบนยอดเขาเสือหมอบมองเห็นพระพุทธนิรภัยทุกทิศ และพระเยซูเจ้าทรงยืนประทานพระพรอยู่ อย่าลืมหยุดและใช้ใจของท่านนมัสการขอพรพระองค์ท่านสักนิด เพื่อความสันติสุข ความเป็นมงคล และความสถิตสถาพรของจิตวิญญาณตลอดไปครับ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คณะธรรมทูตอัญเชิญกลับมาและได้บรรจุไว้ที่องค์สมมติพระเยซูเจ้า
ไม้กางเขนได้จากที่ฝังพระศพ เมืองเยลูซาเลม |
หินศักดิ์สิทธิ์จากยอดเขากัลวาริโอ |
|
ไม้ศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ประสูติของพระเยซู |
ดินศักดิ์สิทธิ์จากเยลูซาเลม |
|
เชิงเทียนที่ระลึก จากพระสันตะปะปา ปอลที่6 คัมภีร์ไบเบิ้ลจากเอคอัครสังฆราช เยลูซาเลม |
ดินศักดิ์สิทธิ์จากสวนมะกอก เมืองเยลูซาเลม |
|
น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากหลุมฝังพระศพในถ้ำใต้ดิน เมืองเยลูซาเลม |
กรอบรูปที่ระลึก ประทานมาจากพระสันตะปะปา ปอลที่6 แห่งวาติกัน |
|
ดินศักดิ์สิทธิ์จาก สถานที่ นักบุญเจโรนิโมปฏิบัติสมาธิ เมืองเยลูซาเลม |
|
|
บทความสวรรค์รำลึกเดือนธันวาคม พ.ศ.2555 www.poosawan.org