หลวงสมานเล่าเรื่องประสบการณ์ที่ได้จากสำนักปู่สวรรค์
- Details
- Category: บทความประวัติศาสตร์
- Published on Tuesday, 26 November 2013 14:45
- Written by Super User
- Hits: 5885
ประสบการณ์ที่ได้จากสำนักปู่สวรรค์
โดย ศาสตราจารย์หลวงสมานวนกิจ
ผมได้เข้ามาเป็นสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ตั้งแต่ วันอังคารที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๑๓ ขณะนั้นอายุ ๗๕ ปี มาตามคำแนะนำของศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล ที่มาครั้งนั้นเพราะสุขภาพทรุดโทรมด้วยโรคร้ายรบกวน และอายุก็เข้าขีดที่จะเคลื่อนย้ายไปสู่โลกหน้าแล้วด้วย รักษาเท่าใดก็ไม่หาย โรคที่สำคัญได้แก่โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับ โรคแทรกคือไข้หวัดใหญ่ทยอยมาด้วยโรคงูสวัด จะไปไหนต้องพยุงปีกกันไป แทบไม่มีหวัง
เมื่อแรกมาถึงสำนักปู่สวรรค์ เข้าเฝ้าหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) กราบเรียนอาการของโรคต่างๆเสร็จแล้ว กราบเรียนถามท่านว่า โรคเหล่านี้จะรักษาหายหรือไม่ และเป็นเพราะเหตุไร ท่านพิจารณาโดยสอบถามเทพที่สถิตอยู่ ณ สำนักปู่สวรรค์ ได้ความว่าโรคต่างๆที่เป็นนั้น เพราะได้ทำกรรมไว้แต่ชาติก่อนๆ ถึงกำหนดที่จะต้องชดใช้กรรม หลวงปู่ทวดบอกว่ายังไม่ถึงอายุขัย พอผลัดไปได้อีกหลายปี ขอแต่ให้ทำบุญคือ ปล่อยเต่า ๓ คู่ นก ๒ คู่ ปลา ๓ คู่ ให้ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ขอให้เขาอโหสิกรรมให้ กับให้รดน้ำมนต์โดยท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระอาทิตย์ละ ๑ ครั้ง ให้รับประทานยาหม้อที่ท่านสั่ง กับที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือให้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย ทำสมาธิ และระลึกถึงบุญคุณหลวงปู่ทวด ทุกๆวัน
พุทธศาสนาสอนว่า อย่าเชื่อง่ายโดยไม่ได้ตริตรอง และไม่ให้ปฏิเสธเรื่องใดๆโดยไม่ยอมฟังเหตุผล ผมใคร่ครวญแล้วเห็นว่า การรับประทานยา รดน้ำมนต์ สวดมนต์ ภาวนา ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยและหลวงปู่ทวดผู้มีบุญคุณ และการปล่อยสัตว์ให้รอดชีวิต ไม่เห็นว่าจะมีโทษอย่างใด ใครเขาจะว่าเป็นคนโง่งมงาย ก็ไม่เสียอะไร เพราะได้กำไรหายจากโรคร้ายที่ทรมานมากว่า ๑๗ ปี ไม่ได้ทำการเบียดเบียนตน และไม่ได้ทำการเบียดเบียนผู้อื่น คิดดังนี้แล้วจึงยอมรับการรักษาจากท่าน
เมื่อเกิดความเชื่อว่า หลวงปู่ทวดท่านมีเมตตาช่วยรักษาโรคได้ จึงพยายามไปรับการรักษาที่สำนักปู่สวรรค์เรื่อยๆ ทุกๆอาทิตย์ ได้ปล่อยเต่า ปล่อยนก ปล่อยปลา สวดมนต์ตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อเจ้ากรรมนายเวรเก่ารับอโหสิกรรมประกอบด้วยอานุภาพของหลวงปู่ทวด และแรงน้ำมนต์ของท่านท้าวมหาพรหมรวมกันเข้า จึงทำให้โรคร้ายต่างๆที่กลุ้มรุมอยู่ในร่างกายของผมกว่า ๑๗ ปี ได้เหือดหายไป ร่างกายกลับแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า สามารถเดินได้ไกลๆและขึ้นเขาได้ ทั้งรู้สึกว่าการรับประทานอาหารเพียงวันละ ๒ เวลา โดยปราศจากเลือดเนื้อสัตว์ ( อาหารมังสวิรัติ ) ทำให้สุขภาพดีทั้งจิตใจสบาย
ผมจึงขอพลีชีวิตให้แก่กิจการของสำนักปู่สวรรค์ คอยช่วยเหลือผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยช่วยมาเป็นเวลา ๓ ปี ได้ทราบว่าคนไข้ที่รักษาที่อื่นแล้วไม่หาย มารักษาหายที่สำนักปู่สวรรค์นับประมาณสามพันคน
แต่น่าประหลาด บางคนรักษาหายแล้วกลับมาเป็นโรคนั้นใหม่ ที่เป็นดังนั้นบางทีก็เป็นเพราะผู้นั้นไม่รักษาสัจจะที่ถวายแก่หลวงปู่ทวด เช่นว่า จะปฏิบัติตามนั้นๆแต่ไม่ปฏิบัติ หรือพอโรคหายแล้ว เพื่อฝูงถามเรื่องราวของสำนักปู่สวรรค์แทนที่จะแสดงความกตัญญู กตเวที กลับลบหลู่ไม่กล้าพูดความจริง เกรงจะถูกหาว่าเป็นคนงมงาย คนที่แสดงความลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น บางคนถึงแก่ความตายโดยปัจจุบันทันด่วนก็มี
การรักษาโรคที่สำนักปู่สวรรค์ จะเกิดผลเพียงใดย่อมเป็นไปตามหลักแห่งกรรม ดังที่หลวงปู่ทวดท่านเคยเทศน์สอนไว้ ถ้าไม่ถึงอายุขัย ก็รักษาหายได้ แต่ถ้าถึงอายุขัยแล้ว ท่านก็ช่วยให้หายไม่ได้ ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามอำนาจของกรรม
นอกจากรักษาโรคทางกายแล้ว สำนักนี้ยังรักษาโรคทางใจ คือ ปรับปรุงจิตใจของมนุษย์ให้หายจากโรคภายใน คือ โลภ โกรธ หลง อีกด้วย โดยมีหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม เพราะหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านมีความชำนาญทางนี้มาเป็นเวลาช้านาน มาแต่ครั้งยังมีสังขาร
สิ่งที่ทำให้หลวงพ่อสมเด็จฯมีนามอุโฆษเฟื่องฟุ้งอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็คือ “พระสมเด็จ” คือพระเครื่องซึ่งปัจจุบันมีอายุกว่าร้อยปี พระสมเด็จรุ่นนั้น เดี๋ยวนี้มีค่าสูงกว่ารถยนต์งามๆ ๓ – ๔ คัน เพราะหายากกว่าสิ่งใด
ท่านไม่ต้องเสียใจว่าจะไม่มีโอกาสได้แขวนพระสมเด็จ เพราะหลวงพ่อสมเด็จฯท่านว่า “พระสมเด็จ ๙ ประเทศ”ที่ท่านสร้างขึ้นคราวนี้ มีเดชะยิ่งกว่าองค์ก่อนๆหลายเท่า
ที่มา : คัดจาก หนังสือที่ระลึกงานมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จ ๙ ประเทศ ณ หุบผาสวรรค์ ๓๐ มีนาคม ๑๗
In Commemoration of the Maha Buddhabhisek Ceremony Phra Somdej of 9 counties at the Samnak Hoobpha Sawan March 30, 1974
บทความที่เกี่ยวข้อง : ประวัติของศาสตราจารย์หลวงสมานวนกิจ