ปรากฎการณ์อันน่าพิศวง

  • Print

   ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก   

 

  ปรากฎการณ์อันน่าพิศวง

พระคาถาชนปญชร 

 

ปรากฎการณ์อันพิศวงทางจิต นับว่าเป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่น่าติดตาม จากประสบการณ์จริง
ของท่านผู้หญิงดิฐการภักดี (ส.บุญรัตพันธุ์) ซึ่งสามารถสร้างศรัทธาปสาทะในการวิปัสสนากรรมฐานแก่ผู้อ่านพอสมควร เพราะช่วยให้ผู้ปฎิบัติเกิดความรู้ความเข้าใจว่าการเจริญวิริยะ สติ และสมาธิ ตามหลักสติปัฏฐานสี่นั้น มิใช่เรื่องไปหลับตาสบายๆ หากแต่มีความเปลี่ยนแปลงทางกายและทางอารมณ์เกิดขึ้นมากมาย เช่น การหายใจอย่างลึกและหอบ แล้วแผ่วเบาจางหายไป กายมีสั่นคลอน แน่น อึดอัด มึน บางทีก็อ่อนเพลีย บางทีกอปรด้วยพลังวังชา อารมณ์มีเศร้า มีปีติ มีหวาดกลัว แล้วก็มีสงบ โปร่ง ผ่องใส สบาย นอกจากนี้ เมื่อหลับตากลับมีนิมิตต่างๆ มาปรากฏซึ่งเลือนหายไปช้าๆ บ้าง เร็วบ้าง ทำให้ต้องการไปดูบ้าง ทำให้เบื่อบ้าง อาการเหล่านี้ บางทีอาจทำให้เกิดความท้อแท้ใจบ้าง
 

นับได้ว่า โลกในหลายปีที่ผ่านมาเป็นโลกที่เดือดร้อนวุ่นวายประกอบด้วยความทุกข์ทรมานนานับปการ เพราะด้วยเหตุที่ โลภะ โทสะ โมหะ อันมีอยู่ในจิตของมนุษย์แต่ละคน และเป็นเหตุให้เกิดความเห็นแก่ตัวนั้น ได้รวมตัวกันอย่างเป็นปึกแผ่น กลายเป็นกิเลสของกลุ่มคนหรือของชาติ การเบียดเบียนประทุษร้ายต่อกันจึงทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ เราเห็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา ต้องทิ้งที่อยู่อาศัยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร 

ยุคนี้ จึงนับว่าเป็นกลียุคโดยแท้ เพราะมนุษย์หลายพวกหลายเหล่าไม่รู้จักยับยั้งกิเลส จึงมีทัศนะที่ผิดมีดวงตาที่บอด มองไม่เห็นความจริง ความดี และความถูกต้อง เขาเหล่านี้ก่อกรรมทำเข็ญให้แก่ตนเองและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างแสนสาหัส 

กลียุคเข้าครอบคลุมโลกมาเป็นเวลาช้านาน ทั้งได้เผาไหม้สรรพสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตไปมากมาย ถึงเวลาแล้วกระมังที่เราชาวพุทธจะชักชวนกันให้หันเข้าหาความสุขสงบแห่งพระธรรม นำชาวโลกให้ดำเนินไปบนวิถีทางอันบริสุทธิ์ รอดพ้นจากภยันตราย รอดพ้นจากความทารุณร้ายกาจ เข้าสู่ยุคแห่งอารยธรรมอีกวาระหนึ่ง 

เมื่อใดที่พุทธบริษัทพยายามดับเครื่องเศร้าหมองทั้งหยาบ และละเอียดในจิตใจของตนด้วยการไต่เต้าไปตามพระอริยมรรคเมื่อนั้นความชั่วร้ายในโลกจะบรรเทา และการปฎิบัติต่อกันระหว่างมนุษย์ก็จะเป็นไปเพื่อความสงบและความสุข 

การเจริญรอยตามพระบาทของพุทธองค์บนทางแห่งความบริสุทธิ์ คือการเจริญ สัมมาวิริยะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ได้แก่การฝึกสติให้แนบแน่นอยู่กับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทุกขณะ ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตร คือกายทำอะไรกำหนดรู้ เวทนาอันใดเกิดขึ้นกำหนดรู้ และความนึกคิดหรืออารมณ์อันใดเกิดขึ้นก็กำหนดรู้ เมื่อสติแนบอยู่กับกาย เวทนา อารมณ์ ดังนี้จิตก็อยู่ในขอบเขตจำกัดแต่ละขณะ ไม่อาจจะเบียดเบียนผู้อื่นใด กลายเป็นความบริสุทธิ์ของศีล พร้อมกันนั้นก็เกิดพลังสมาธิ ซึ่งเมื่อบวกกับวิริยะและสติอันว่องไวจะนำจิตไปสู่เอกัคตา  คือความเป็นหนึ่งเดียว ปราศจากกิเลส แล้วจะเข้าถึงความสงบ สะอาด และบริสุทธิ์ของพระนิพานในที่สุด 

วิปัสสนากรมฐาน เป็นวิชาของพระพุทธเจ้า เป็นวิชาที่ไม่ลึกลับ ไม่ยากไม่ง่ายเป็นวิชาที่คนธรรมดาทุกคนอาจจะเรียนปฎิบัติและรู้แจ้งเห็นจริงได้ 

หากท่านสนใจติดตามอ่านทั้งเล่มสามารถหาซื้อได้ ที่ร้านหนังสือโครงการธรรมไมตรี โปรดติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อาคารอริยสัจสี่ เลขที่ ๕๑ ซ.เพชรเกษม ๖๕ แขวง/เขตบางแค กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐  โทร. ๐-๒๔๒๑ ๐๔๘๙  http://www.poosawan.org