จอมปราชญ์แห่งกรุงสยาม

  • Print

   ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก   

 

  จอมปราชญ์แห่งกรุงสยาม

จอมปราชญแหงกรงสยาม 

สมเด็จโตแห่งวัดระฆัง ท่านได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมปราชญ์แห่งกรุงสยามอย่างแท้จริง มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองในอดีตที่ผ่านมานั้น ท่านเข้าไปมีส่วนร่วมช่วยให้เรื่องร้ายกลับกลายเป็นเรื่องดีได้ เนื้อหาในหนังสือจอมปราชญ์แห่งกรุงสยามมีอยู่ตอนหนึ่งที่เล่าประวัติสมเด็จโต ในสมัย ร.๔ ท่านกล่าวกับสมเด็จโตว่า บัลลังก์ข้านี้ฝากไว้กับท่าน ขรัวโตจะต้องกุมบังเหียนในเบื้องหลัง 

ขณะนั้นกำลังมีการประชุมนายพล กำลังถกกันหน้าดำหน้าแดง วางแผนยึดอำนาจ โดยมีชื่อไอ้โต ในขณะนั้นสมเด็จโตก็ปรากฏตัว และท่านได้กล่าวว่ามีเรื่องอันใดกัน พระศรีสุริยวงศ์หน้าซีด บอกว่า พระเดชพระคุณไม่มีเรื่องอันใดหรอก กำลังคุยกันถึงคุณความดีของท่าน ในสมัยนั้นเถรสมาคมมีแต่คิดจะสึกสมเด็จโตอยู่เรื่อย สมเด็จโตจึงกล่าวว่า ท่านสุริยวงศ์ ได้กระแสข่าวว่าท่านนี้คิดกบฏต่อจักรีวงศ์จริงหรือไม่ ในขณะนั้นที่ประชุมเสนาบดีซึมกันหมด เหงื่อแตกกันถ้วนหน้า 

สมเด็จโตกล่าวว่า ท่านจงวางแผนให้ละเอียดกว่านี้ แล้วค่อยมาโค่นสมเด็จโต แต่สมเด็จโตไม่มีการพยาบาทใคร สมเด็จโตสงสาร เพราะว่ากรรมที่เขาสร้างนั้นจะเป็นวิบากกรรมกับเขาเอง พวกที่ร่วมเป็นขบวนการยมโลกได้ตีตราออกมาแล้ว การเป็นคน ท่านไม่ต้องวิตกกังวลสิ่งใดๆ ขอให้ท่านมีหลัก ขันติ สัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา ท่านมี ๔ ประการนี้ประจำใจแล้วรับรองท่านตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ สมเด็จโตท่านยังกล่าวอีกว่า 

ขันติ จะทำอย่างไรจะเป็นผู้มีขันติ 

๑.     อย่าตื่นตูมข่าวที่เขาลือ 

๒.     อย่าเชื่อคนที่เรานับถือมาแล้ว 

๓.     พิจารณากระแสข่าวที่เข้ามาพัวพันตัวเราว่าเป็นไปได้หรือไม่ แล้วคำคำนวนด้วยเหตุผลว่า เรื่องเป็นอย่างไร แล้ววินิจฉัยว่า เหตุการณ์อย่างนี้ เราจะทำอย่างไร 

สัจจะ เราต้องยึดมั่นว่า ตราบใดที่ข้าเป็นชาวพุทธ ตราบนั้น ข้าจะไม่ทำชั่ว ข้าจะตาย ยินดีพลีชีพเพื่อศาสนา เพื่อความดี 

บริสุทธิ์ ยึดมั่นในความบริสุทธิ์  ทำงานด้วยความบริสุทธิ์เพื่อมวลชน  เพื่อส่วนรวม เพื่อหมู่คณะ หรือเพื่อครอบครัว ย่อมไดรับการคุ้มครองจากเทพพรหม ที่มีอยู่มากในโลกนี้ 

เมตตา จงเมตตาแม้แต่ผู้ที่คิดร้ายต่อท่าน ท่านจงแผ่เมตตาให้เขาเถิด แล้วกระแสจิตของเขาจะกลับดีเอง 

          นอกจากนั้น จอมปราชญ์แห่งกรุงสยามอย่างท่านโต ท่านยัง สอนวิธีการอ่านตำราให้จำแม่นดังนี้ ก่อนที่จะอ่านตำรา ต้องอาบน้ำชำระกายให้สะอาด แล้วต้องวางสรรพสิ่ง และทำสมาธิสัก ๑๕-๒๐ นาที จึงดูตำรา หากเป็นตำราที่ไม่เคยอ่านต้องอ่านอย่างเร็วๆ อ่านเพื่อรู้ใจความครั้งที่ ๑  อ่านครั้งที่ ๒ อ่านจำ ครั้งที่ ๓ อ่านท่อง แล้วที่นี้อ่านคล่องรับรองสอบได้ที่ ๑ สิ่งสำคัญต้องอ่านตอนเช้า เช่น ตอนตี ๕ หรือไม่ก็ตอนตื่นนอนแล้ว คือถ้านอนตั้งแต่หัวค่ำ อาจจะตื่นมาอ่านตอนตี ๒ หรือตี ๓ ก็ได้ ช่วงนั้นสมองจะปลอดโปร่งดี 

หากท่านสนใจติดตามอ่านทั้งเล่มสามารถหาซื้อได้ ที่ร้านหนังสือโครงการธรรมไมตรี โปรดติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่  

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อาคารอริยสัจสี่ เลขที่ 51 ซ.เพชรเกษม 65 แขวง/เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160  โทร. 0-2421 0489 http://www.poosawan.org