บันทึกการเดินทางไปอัญเชิญดินศักดิ์สิทธิ์

  • Print

din 9cov

การไปเชิญดิน จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

คัดจากบทความในหนังสือ วันมหัศจรรย์ รวบรวมเรื่องในการลงพลังจิต พระสมเด็จ ๙ ประเทศ โดย เกหลง พานิช และ หนังสือเรื่อง สปส จักรพรรดิ์พระเครื่อง

เพื่อสนองอุดมการณ์ของสำนักปู่สวรรค์ข้อที่ ๑ "ช่วยบำบัดทุกข์ทั้งกายและใจให้ชนทุกชั้น" หลวงพ่อ

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ทราบว่าแหลมสุวรรณภูมิจะเกิดความเดือดร้อน ท่านต้องการจะบรรเทาความร้อนของแหลมสุวรรณภูมิให้เบาบางลง่ ด้วยการสร้างองค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรย

ภายในบรรจุดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศ จึงมีบัญชาให้เจ้าสำนักปู่สวรรค์เดินทางไปเชิญดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศคือ ไทย ลาว พม่า มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย องค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรยสร้างเสร็จประดิษฐานอยู่บนมุขตำหนักสำนักปูสวรรค์ เมื่อวันขึ้น ๙ ค่ำเตือน ๙

ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ เมื่อสร้างองค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรยแล้ว ยังมีดินจากสถานที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของ ๗ ประเทศอยู่

ต่อมาหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี มีดำริให้สร้างพระสมเด็จเป็นรุ่นสุดท้าย จะสร้างด้วยดินจากสถานที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๙ ประเทศ จึงมีบัญชาให้เจ้าสำนักปู่สวรรค์เดินทางไปเชิญดินจากสถานที่ศักดิ์ สิทธิ์อีก ๒ ประเทศคือ อินเดียและเนปาล

การไปเชิญดินศักดิ์สิทธิ์นั้นเจ้าสำนักปู่สวรรค์ คืออาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์เดินทางไปเองทุกครั้งบางครั้งไปคนเดียว บางครั้งมีผู้ติดตาม ระหว่างเดินทาง บางเวลาอาจารย์สุชาติ ก็ไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเอง ได้พูดได้ทำบางอย่างไปโดยไม่รู้สึกตัว บางแห่งมีเรื่องน่าอัศจรรย์เล่ามาก บางแห่งก็มีน้อย

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้สั้นบ้างยาวบ้างแล้วแต่เหตุการณ์และผู้เล่า ต่อไปนี้เป็นเรื่องการไปเชิญดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๙ ประเทศ เรียงลำดับก่อนหลัง

การนำดินศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้ำฤษีและเจดีย์พระนี่ม

ในราวเดือน เมษายน ต้นปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ พระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) มีพระบัญชาให้อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เดินทางใปอัญเชิญดินศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้ำ ฤาษี ถ้ำเชียงดาว และเจดีย์พระนิ่ม ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ เป็นครั้งแรกในการเดินทางไกลแต่ผู้เดียว รถบัสโดยสารกรุงเทพเชียงใหม่ แน่นขนัดด้วยผู้คน หลายคนถึงกับต้องยืนห้อยโหน จนไม่มีที่ว่างแม้แต่ตารางเดียว

ทั้งนี้เพราะเดือนเมษายนเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวชาวกรุงเทพ.: ขอบเดินทางไปพักผ่อนในเวียงเหนือ บ้างประสงค์ไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ฯ บ้างประสงค์ไปเที่ยวสงกรานต์ชมประเพณีชาวเหนือตามประสาของหนุ่มสาวเมื่อถึงเชียงใหม่อาจารย์สุชาติได้โดยสารรถต่อไป. เพื่อจะไปยังถ้ำตับเต่า ระหว่างทางจะถึงนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รถบัสโดยสารที่มีอาคันตุกะจากกรุงเทพฯ ประสงค์เพียงไปนำดินศักดิ์สิทธิ์ ถลาเหมือนนกปีกหักเพราะเสียหลักจากการหลบรถบรรทุกสิบล้อที่สวนมาอย่างกระทันหัน ท่ามกลางความอลหม่านสับสนคลุกเคล้าด้วยความหวาดผวาชองผู้ โดยสาร มีเสียงหนึ่งออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า จงหยุดเดี๋ยวนี้ฉับพลัน

รถบัสโดยสารคันนั้นซึ่งไม่มีทีท่าจะหยุดได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ข้างทาง ทุกสายตาต่างมองมายังเจ้าของเสียงนั้นด้วยด้วยความฉงนใจว่าวาจาของชายผู้นี้สามารถ ทำให้รถที่เสียหลักหยุดได้อย่างอัศจรรย์

หลังจากนาทีวิกฤติผ่านไปชนกลุ่มหนึ่งเริ่มให้ความสนใจต่ออาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้ผลัดกันเข้าถามความทุกข์สุขส่วนตัว บ้านเกิดเมืองนอน ตลอดจนวัตถุประสงค์ของกอาคันตุกะจากกรุงเทพ ฯ ได้เปิดเผยความจริงว่า ที่เดินทางมาครั้งนี้ ก็เพราะประสงค์มานำดินศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้ำตับเต่าตามบัญชาของหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) เท่านั้น"ทั้งได้เล่าประวัติความเป็นมาของสำนักปู่สวรรค์ให้ฟังโดยตลอด

ผู้โดยสารร่วมรถคันเดียวกันก็เริ่มเข้าใจเหตุการณ์ที่ผ่านมาแจ่มชัดขึ้น หญิงชราทีร่วมสนทนาผู้หนึ่ง ถึงกับยกมือไหว้เบื้องบน พลางกล่าวว่าสาธุหลวงปู่ท่านช่วย รถถึงไม่เป็นอันตราย" ทุกคนในรถคนนั้นระบายความรู้สึกของตนออกมา กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า คงเป็นบารมีของหลวงปู่ทวดช่วยเป็นแน่รถจึงไม่พลิกคว่ำดังที่ทุก คนคาดคิด

ครั้นมาถึงถ้ำตับเต่าอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้เดินเข้าไปในถ้ำ พร้อมทรั้งขุดดินบริเวณเจดีย์พระนี่ม ซึ่งชาวเหนือนับถือกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนจะพากันไปนมัสการเจดีย์พระนิ่มทุกปีโดยมิได้ขาด

วันรุ่งขึ้นก็ได้เดินทางใปยังถ้ำเชียงดาว ภายในถ้ำนี้มีความสวยงามแบบธรรมชาติ หินย้อยและหินงอกขึ้นระเกะระกะวิจิตรตระการตาเหมือนตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน ว่าถ้ำเชียงดาวในอดีตเคยเป็นที่พำนักช

ของฤษีที่บำเพ็ญตบะมีฤทธิ์เดชมาก เฉพาะอย่างยิ่งภายในถ้ำนี้มีสมบัติล้ำค่ามากมายฝังอยู่ จะเท็จจริงอย่างไรนั้นความนี้เป็นการบอกเล่าของขาวบ้านในแถบนั้น

อาจารย์สุขาติ เดินเข้าไปในถ้ำเชียงดาวเป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมง ผ่านถึงบ่อน้ำที่ ณ บริเวณนี้เองท่านใด้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าถ้ำ " ขออนุญาติขุดดินใจกลางถ้ำ เพื่อนำไปสร้างพระ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับออกมา พบชาวบ้าน ผู้หนึ่งถามว่า "ถืออะไรมา" ท่านตอบว่า"ที่ถือนั้นเป็นดิน จะนำไปสร้างพระ" ชาวบ้านผู้นั้น ถามต่อไปว่า "ดินนั้นขุดมาจากที่ไหน" ได้รับคำตอบจากผู้ถูกซักว่า "จากใจกลางของถ้ำเชียงดาว บริเวณบ่อน้ำที่ห้า" ชาวบ้านผู้นั้นมีสีหน้าแสดงความแปลกใจ สักครู่หนึ่งก็กล่าวว่า เป็นบุญที่คุณออกมาได้อย่างปลอดภัย แม้แต่ชาวบ้านถิ่นยังไม่มีใครเข้าถ้าลึกถึงขนาดนั้น นั้นเพราะบริเวณที่ กล่าวนี้มีอันตรายรอบด้านจากสัตว์มีพิษต่างๆ"และชาวบ้านบางคนที่เข้าไป ไม่กลับออกมามีการคาดคะเนว่าคงจะหลงทางในนั้น

หลังจากได้ดินศักดิ์สิทธิ์จากถ้ำเชียงดาวแล้วได้โดยสารรถต่อไปยังถ้ำฤษี ซึ่งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน ถ้ำฤษีเป็นถ้ำตื้น ๆ หน้าถ้ำมีรูปพระฤษีและสิงห์ยืนตระหง่านอยู่ พอไปถึงก็ตรงไปนมัสการรูปสมมติพระฤษี. และได้รีบขุดดินในถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพราะขณะนั้นเวลาบ่ายมากแล้ว ต้องรีบจับรถกลับกรงเทพ "

ผลจากการเดินทางไปภาคเหนือครั้งนี้ (พ.ศ.๒๕๐๙)

๑.ได้ดินศักดิ์สิทธิ์จากพระเจดีย์นี่มในถ้ำตับเต่า

๒.ได้ดินศักดิ์สิทธิ์ในใจกลางถ้ำเชียงดาว

๓.ได้ดินศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้ำฤษี