พระผู้ทรงสดับเสียงโลก

  • Print

 

 kuanyin300

พระผู้ทรงสดับเสียงโลก

พล.ต.ต.พบลย

พล.ต.ต. พิบูลย์ ภาษวัธน์

พุทธศาสนิกชนในลัทธิมหายานเคารพสักการะบูชาพระโพธิสัตว์ ซึ่งบำเพ็ญบารมีเพื่อโปรดสัตว์ทั้งหลายและในบรรดาพระโพธิสัตว์เจ้าจำนวนมากนั้น พุทธมามกะชาวจีนมีความเลื่อมใสศรัทธาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมากที่สุด ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือ"พระคัมภีร์กวนอิมโพธิสัตว์" แปลโดยอาจารย์เสถียร โพธินันทะ เห็นว่ามีธรรมะอันเป็นประโยชน์แก่ศาสนิกชนทั่วไป จึงขอคัดข้อความสำคัญมาเพื่อเทิดทูนพระกิตติคุณของพระโพธิสัตว์ไว้ดังต่อไปนี้

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงเมตตากรุณาโปรดสัตว์ทั่วทั้งไตรภูมิ (เทวโลกมนุษยโลก ยมโลก) ให้พ้นจากกองทุกข์ บุคคลใดไม่ว่าบุรุษหรือสตรีก็ตามเมื่อระลึกถึงพระองค์ด้วยความเลื่อมใส อ้อนวอนขอให้พระองค์ช่วยเหลือ พระองค์จะทรงแผ่เมตตากรุณามาปลดเปลื้องทุกข์ภัยของผู้นั้นให้สมประสงค์และโดยเหตุที่พระองค์ทรงมีความเมตตากรุณาธิคุณคอยปลดเปลื้องความทุกข์ โศกโรคภัยของสัตว์โลกดังกล่าว ผู้เคารพสักการะบูชาจึงถวายพระนามตามลักษณะและคุณสมบัติเป็นภาษาจีนว่า "พระกวนอิมซีพู่สัก” แปลอย่างธรรมดาว่า "พระโพธิสัตว์ที่ทรงสดับเสียงโลก"

เมื่อพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะเสด็จไป โปรดท้าวพระยามหากษัตริย์ ก็ทรงแปลงพระองค์เป็นเมธาติIณมาณพ ทรงเครื่องภูษามาลามหากษัตริย์ถนิมอลังการ สง่ากว่าพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น เมื่อจะเสด็จไปโปรดพระยายักษ์พระยามาร ก็ทรงเนรมิตพระองค์มีสี่หัตถ์ บางครั้งก็มีพันหัตถ์พันเนตร เมื่อจะเสด็จไปโปรดท้าวนางพระยาและบรรดาสตรีเพศ ก็ทรงจำแลงพระองค์เป็นสตรีอันทรงอิตถีรูป (มีความงามของผู้หญิง) ทรงสมรรถนะเป็นที่น่าวันทา

เจาแมกวนอมหยกขาว

 

เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐาน ณ อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

พระรูปของพระองค์ส่วนมากมักนิยมเขียนภาพหรือสร้างองค์สมมติเป็นพระโพธิสัตว์ผู้หญิง เนื่องด้วยชาติที่พระองค์ได้สร้างสมบุญกุศลบารมีโปรดสัตว์ได้มากที่สุดนั้นพระองค์เป็นราชธิดาของ "พระเจ้าเมี่ยวจวง" ทรงพระนามว่า "เมี่ยวซัน" ศิลปินจึงนิยมเขียนหรือปั้นพระรูปเป็นเจ้าฟ้าหญิงงามอ่อนช้อย ด้วยลักษณะแห่งพระเมดตากรุณาจิตที่พระเศียรมีพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ เครื่องทรงมงกุฎประดับเพชรนิลจินดา พระกรซ้ายขวาสวมกำไลหยก หรือเป็นรูปพระภิกษุณีห่มสีกระ หรือแม่ชีห่มผ้าสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วยรังสีแห่งศีลสมาธิปัญญา มีลูกประคำทรงพระคัมภีร์เทศนาธรรมอยู่ไนดอกบัวบานท่ามกลางน้ำทะเล บางรูปประทับยืนอยู่ในหมู่เมฆ ทรงถือแจกันหรือหม้อน้ำทิพย์ มีกิ่งสนหรือยอดหลิวอันเขียวสด ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงเป็น
พระโพธิสัตว์องค์เดียวเท่านั้นที่บรรดาสตรีจีนทั่วโลกรู้จักและเคารพสักการะบูชามากที่สุดยกย่องว่าศักดิ์สิทธิ์มากและนับถือเป็นเจ้าแม่เรียกว่า "เจ้าแม่กวนอิม"

ในพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรกล่าวว่า พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงมี พระลคุณาลังการ (ผู้ประดับด้วยคุณธรรมอันประเสริฐ) อันประกอบด้วย

1. พระปัญญาคุณ

2. พระสันติคุณ

3. พระเมตตากรุณาธิคุณ

ผู้ใดเข้าถึงหรือมีอคุณาการตามอย่างพระองค์ ก็จะเบีนผู้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งหลายได้จริง การภาวนาพระคาถาของพระองค์จะต้องกระทำประกอบพร้อมทั้งองค์ 3 คือกาย วาจา ใจ โน้มน้าวไปตามธรรมานุธรรมปฏิบัติ (ธรรมสมควรแก่ธรรม) จึงจะเกิดธรรมสารคุณ (คุณในแก่นแห่งธรรม) คือบรรลุถึง "วิปัสสนาปัญญา" เช่น

1. คุณในปัญญา

2. คุณในสันติ

3. คุณในเมตตากรุณา

อย่างไรก็ดีพระองค์เป็นแต่เพียงผู้ให้คุณูปการ (อุปการะโดยคุณธรรม) ชี้ทางและเตือนใจให้สร้างคุณธรรมดังกล่าวเท่านั้น โดยปรากฏอยู่ในอรรถอันเป็นปริศนาธรรมไว้ให้ขบคิดเอาเอง ถ้าขบคิดไม่ตกก็แปลว่ายังค้นหาช่องทางไม่ถูก เข้ายังไม่ถึง หรือ ว่ายังมองไม่ทะลุธรรมบทนั้น ๆ ถ้าขบคิดแตกก็หมายถึงแล้วซึ่งความสว่างดังเช่นใน พระสูตรต่อไปนี้

1.ในกรณีโจรภัย บุคคลใดกล่าวภาวนาคาถาของพระโพธิสัตว์กวนอิม โจรภัยก็ปราศจากไปคำว่า "โจร" ในที่นี้ ในธรรมาธิษฐานมีความหมายถึง โจรแห่งอารมณ์ฟุ้งซ่าน หาใช่โจรธรรมดาไม่ เป็นโจรชนิดไม่มีตัวตนเพราะตาเรามองไม่เห็นตัวตนของมัน ปล้นอย่างเงียบ ๆ และใจเย็น รุมกันเข้าปล้นเราทาง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และใจ ผู้ถูกปล้นเพลิดเพลินหลงใหลจนทรัพย์สินเงินทองสมบัติหมดสิ้นไป โจรชนิดนี้ไม่ใช่โจรที่จะมา

ปล้นเป็นครั้งคราว แต่ทำการปล้นทั้งกลางวันและกลางคืนและทุกวัน เช่น ทางหู อยากฟังเสียงที่ไพเราะ
เพราะพริ้ง เสียงที่ทำให้เกิดความเคลิบเคลิ้ม หลงใหล เสียงที่สรรเสริญเยินยอต่าง ๆ นานา เหล่านี้เรียกว่าโจรปล้นทางหู ทางตา อยากดูมหรสพและการละเล่นต่าง ๆ อยากดูสิ่งที่สวยงามต่าง ๆ เหล่านี้ คือโจรปล้นทางตา ทางจมูก อยากสูดกลิ่นหอม เช่นน้ำอบอย่างชนิดดี ๆ ราคาแพง ๆ เหล่านี้คือ โจรปล้นทางจมูก ทางปาก
อยากรับประทานอาหารที่มีรสอร่อยและสุราเมรัยที่มีรสเลิศ เหล่านี้ คือโจรปล้นทางปาก ทางกายอยากแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาสูง เครื่องประดับต่าง ๆ นานา อยู่บ้าน ราคาแพง แสวงหาคู่อภิรมย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหล่านี้คือโจรปล้นทางกาย ทางใจ คิดทะยานอยากได้ความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป อยากเป็นโน่นเป็นนี่ หรือ ไม่อยากเป็นโน่นเป็นนี่ ใจเกิดความฟุ้งซ่านเกินเลยขอบเขตอันดีงามไป อย่างนี้คือโจรปล้นทางใจ หากบุคคลใดสามารถไตร่ตรองตามทำนองในพระคาถาของพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยเพียงนำปัญญาคุณมาพิจารณา ก็จะแลเห็นว่าทรัพย์ ที่ได้พยายามหามาด้วยความยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยนั้น ได้ถูกปล้นไปในทางแห่งอารมณ์
ฟุ้งช่าน ถ้าเอาบปัญญาคุณ มาใช้ โจรภัยแห่งอารมณ์ฟุ้งช่านเหล่านั้นก็จะปราสจากไปเอง

2. ในกรณีอัคคีภัยบุคคลใดเมื่อภาวนาคาถาของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม อัคคีภัยจะทำอะไรไม่ได้อัคคีภัยในที่นี้หมายถึง

2.1 โลภะอัคนึ

2.2 โทสะอัคนี

2.3 โมหะอัคนี

สำหรับอัคคีภัยจากไฟธรรมดาเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็อาศัยน้ำดับได้ และเมื่อไฟมอดไปแล้วก็เป็นอันสิ้นกันไป ไม่ว่าไฟนั้นจะเกิดจากระเบิดของปรมาณูหรือเชื้อเพลิงอื่นใดก็ตามแต่ไฟที่มีนามว่าอัคคีแห่งกิเลสนั้น จะอาศัยน้ำในมหาสมุทรมาดับก็ยังไม่ได้ผล เพราะเป็นไฟที่เผาผลาญจิตใจอยู่ทุกขณะ บันดาลให้ร้อนรนอยู่เสมอตราบเท่าที่ยังใม่สามารถผีกฝนอบรมจิตใจให้สงบได้ ผู้ที่เจริญพระคาถาของพระโพธิสัตว์กวนอิม หากนำเอาคำในพระสูดรมาพิจารณาใช้ก็จะเกิดประโยชน์กล่าวคือ

- อัคคีภัยแห่งโลภะ จะดับได้ด้วยสันติคุณ

- อัคคีภัยแห่งโทสะ จะลับได้ด้วยเมลตากรุณาธิคุณ

- อัคคีภัยแห่งโมหะ จะดับได้ด้วยปัญญาคุณ

3. ในกรณีวาตภัยเรือล่มในทะเล บุคคลใดถ้าภาวนาระลึกถึงพระโพธิสัตว์กวนอิมก็จะรอดพ้นจากการจมน้ำตาย ทะเลในที่นี้มีความหมายถึงทะเลทุกข์ สัตว์โลกอุปมาดั่งผู้อาศัยอยู่ในเรือน้อยที่ล่องลอยกลางทะเล อันเป็นวัฏสงสารเวียนเกิดเวียนตายอยู่ในโลกคือได้แก่การการเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย สัตว์โลกจะหนีรอดพ้นจากอาการ ทั้งสี่ที่กล่าวนี้ไปไม่ใด้ต้องอยู่ในสภาพอันผันแปรอยู่ทุกลมหายใจเช่น

3.1 สภาพเป็นเด็กเล็กแล้วก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นผู้ใหญ่

3.2 สภาพคนหนุ่มสาวภายหลังก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนแก่ชรา

3.3 สภาพเป็นคนแข็งแรงแล้วก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนเพียบด้วยโรคาพยาธิ

3.4 สภาพเป็นคนเกิดมาในโลกแล้วก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนตายไปจากโลก

การผันแปรเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแท้ที่จริงแล้วย่อมเกิดขึ้นทุก ๆ นาที เป็นไป ทำนองเดียวกับการลาดเอียงสูงต่ำของกระแสคลื่นในท้องทะเล จะมีอะไรเป็นแก่นสารก็หาไม่ ขันธ์ทั้ง 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็อยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นไม่มีอะไรจะคงทนอยู่ได้ตลอดกาลโดยไม่มีการผันแปรเปลี่ยนแปลงคลายและดับสูญตกอยู่ในสภาพของสามัญลักษณะคือ

- อนิจจัง ความไม่ยั้งยืนไม่เที่ยง

- ทุกขัง ความทุกข์ ความยาก

- อนัตตา สิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของตนเอง

ลักษณะเหล่านี้เป็นไปตามกรรมบถ คือทางของกุศลกรรมคลุกเคล้าอกุศลกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยให้สัตว์โลกมีการเวียนเกิดเวียนดายอยู่ในทะเลทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าบุคคลตีปัญหาปริศนาธรรมในพระคาถาของพระโพธิสัตว์กวนอิมแตก ก็จะเกิดปัญญาคุณ คือมี ปัญญาหลักแหลมมองทะลุความจริง ก็เท่ากับสามารถนำเรือของตนเข้าถึงถึงจากมหาวาตภัย

4.ในกรณีศาตราภัย บุคคลใดเมื่อภาวนาพระคาถาของพระโพธิสัตว์กวนอิม อาวุธทุกชนิดจะไม่สามารถระคายผิวได้ ความหมายของพระคาถาข้อสุดท้ายนี้มีชั้นเชิงเป็นกลบททำให้ฉงนไว้ในทางหนึ่ง นัยว่าต้องการให้มีไหวพริบคือปัญญาที่เกิดขึ้นจากในตัวเองโดยไม่ต้องไปหาปัญญาจากที่อื่น ถ้าเกิดบัญญาคุณขึ้นแล้วก็มองทะลุความจริงว่า พระคาถานี้หาได้มีความหมายตายตัวตามทัพท์ที่ว่าไม่ เพราะผิวหนังมนุษย์มิใช่เหล็กกล้าจึงจะ สามารถอยู่ยงคงกระพัน

ความจริงอรรถในคาถานี้มีความหมายเป็นปริศนาธรรมให้ขบคิด และจุดอ้นงพระคาถาก็คือบุคคลสามารถรักษาอายตนะทั้ง 6 คืออินทรีย์ทั้ง 6 ได้ มี ตจมูก ปาก กาย ใ อันเชื่อมโยงไปในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์นั่นเอง โดยสามารถตัดขาดจากสิ่งที่จะมากระทบให้เกิดอกุศลกรรม ด้วยวิธีการต่อไปนี้

4.1 เมื่อหูได้ยินในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็นเช่นหูไม่ได้ยิน

4.2 เมื่อตาแลเห็นในสิ่งอกุศลก็ทำเป็นเมินไม่แลเห็นเมื่อจมูกได้กลิ่นในสิ่งอกุศล ที่ทำเป็นเหมือนมิได้ดมกลิ่น

4.4 เมื่อลิ้มรสก็ทำเป็นเหมือนมิได้รับรู้รส

4.5 เมื่อกายสัมผัสในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็นประดุจไม่ได้สัมผัส

4.6 เมื่อใจได้รับอารมณ์ในสี่งอกุศล ก็ทำเป็นเฉยเฉื่อยไม่ได้รับรู้ ในอารมณ์นั้นๆและไม่หวั่นไหว

เมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่บังเกิดขึ้น อำนาจแห่งธรรมมิตรก็เข้าชักจูงเรียกร้องดูดดึงเอา สันติอคุณ ตลอดจนเมตตากรุณาธิคุณเข้ามาไว้ในตัว ก็จะได้รับผลเสมือนหนึ่งว่าเป็นเกราะ ป้องกันศาดราวุธไม่มาระคายผิวหนัง ดามนัยพระคาถาได้โดยไม่ต้องสงสัย บุคคลใดท่องบ่นพระคาถาของพระโพธิสัตว์กวนอิม และสามารถขบคิดกลบทอันเป็นปริศนาธรรมใด้ รวมทั้งใด้ปฏิบัติครบถ้วนสมบูรณ์ตามนั้น ก็ได้ชื่อว่าได้อัญเชิญพระโพธิสัตว์พระองค์นี้มาอยู่ในดวงจิตของบุคคลนั้น และบุคคลผู้นั้น ก็จะ ปลอดจากภัยพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ได้ทรงโปรดสัตว์โลกในอดีตนานมาแล้ว และทรงตั้งปณิธานที่จะโปรดสัตว์โลกต่อไปอีกในอนาคต โดยยังไม่
เสด็จพุทธภูมิ พระองค์จะทรงสดับโสตเพื่อรับการอัญเชิญของสัตว์โลกผู้มีความทุกข์ทั้งหลายเสมอ และจะทรงปลดเปลื้องทุกข์ภัยของสัตว์โลกนั้น ๆ ตลอดไปเป็นนิจสิน

พุทธศาสนิกชนชาวจีนนิยมสักการะบูชาพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ ด้วยการรับประทานอาหารเจ
(มังสวิริต) เป็นปกติในรอบปีหนึ่งอย่างน้อย 9 วัน
9 คืน ตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำถึง 9 ค่ำเดือน 9 ตามปฏิทินจีน โดยงดเว้นไม่กระทำกิจใด ๆ อันจะนำมาซึ่งการ เบียดเบียนเดือดร้อนให้แก่สัตว์ทั้งปวง กล่าวคือ

1. ไม่เอาชีวิดของสัตว์มาต่อเดิมบำรุงชีวิตของตน

2. ไม่เอาโลหิตของสัตว์มาเป็นโลหิตของตน

3. ไม่เอาเนื้อของสัตว์มาเป็นเนื้อของตน

นอกจากการรักษาศีลด้วยการไม่รับประทานอาหารเนื้อสัตว์แล้ว ยังมีการรักษาศีลข้ออื่นให้ครบถ้วนในศีล 5 หรือศีล 8 (อุโบสถศีล ) ตามวาสนาบารมีของแต่ละบุคคล อีกส่วนหนึ่ง และระหว่างนั้นก็ได้ทำการสวดมนต์ภาวนานั่งสมาธิ แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย รวมทั้งขอประทานพรเพื่อความเจริญ สมบูรณ์พูนสุขให้แก่ตนเองและครอบครัวด้วย

ทั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามแนวทางแห่งพระโพธิสัตว์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญบารมีถือมังสวิรัติไม่เสพเนื้อสัตว์เลย ชาติเป็นมนุษย์ในอดีตแล้วนั้น ตลอดเวลาที่ได้เสวยพระชาติเป็นมนุษย์ในอดีตแล้วนั้น

Kuanyin-Hoopha05

 

พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์ เป็นประธานในการวางศิลมงคล สร้างองคืสมมติเจ้าแม่กวนอิม บนยอดเขาเสือหมอบ หุบผาสวรรค์เมืองศาสนา

อนึ่งเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2523 ข้าพเจ้าทราบจากท่านบรมครูสำนัก ปู่สวรรค์ ถึงเรื่องพระประวัติย่อของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ว่า พระองค์ ได้ทรงถือกำเนิดในชาติสุดท้ายเป็นชาวจีน โดยทรงเป็นพระราชธิดาองค์สุดท้องพระนาม "เหมี่ยวชัน" ของกษัตริย์ในราชวงศ์เชียงเหลียง เมื่อประมาณ 10,000 ปีมาแล้วใน สมัยพระพุทธเจ้าอมิตาภะ ทั้งนี้ตรงกับเรื่องราวที่มีปรากฎในหนังสือต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องพระโพธิสัตว์. อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) เช่นหนังสือ "ลัทธิเพื่อน" ของท่านเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป ซึ่งข้าพเจ้าจะได้ศึกษาค้นคว้าและนำมาเผยแพร่ในโอกาสต่อ

 

คัดจากบทความของ พลตำรวจตรี พิบูลย์ ภาษวัธน์ อดีตเลขาธิการสมาคมศาสนาสัมพันธ์ ลงในหนังสือ
"อนุสรณ์งานภาวนาเพื่อสันติภาพ ณ อาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา 19 - 28 ตุลาคม 2523"