สมเด็จโต-ความลี้ลับของวิญญาณ

  • Print

o-wat-tho

 

ความลี้ลับของวิญญาณ

(วันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐)

สานุศิษย์ : หลวงพ่อสมเด็จครับ กระผมหัวใจหยุด และชีพจรหยุด แล้วก็ฟื้นขึ้นมาครับ

สมเด็จ : แล้วสภาวะนั้น รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง

สานุศิษย์ : เมื่อตอนเข้าไปอยู่ในห้องหมอสักสองสามชั่วโมง มันค่อยรู้สึกดีขึ้นครับ มีอาการสบายใจ

สมเด็จ : แล้วก็หยุดไปเฉยๆ ใช่ไหม

สานุศิษย์ : ตอนนั้นผมไม่ทราบ เพราะไม่รู้สึกตัวเลยครับ

สมเด็จ : ในสภาพการณ์นี้ ต้องอธิบายถึงคำว่าอายุขัย

ในสภาวะอายุขัยนั้นยังไม่สิ้นสุด การที่เข้าไปใหม่ๆ นั้น ที่รู้สึกสบายใจขึ้นนั้น เพราะอะไรเล่า เพราะวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่เล็ก วิญญาณนั้นกระจายไปทั่วทั้งร่าง สภาวะวิญญาณรวมพลังอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง

สภาพการณ์จะเห็นได้ว่า มนุษย์ที่จะตายนั้นจะรู้สึกเกิดอาการดีแล้วค่อยตาย เสมือนหนึ่งเทียนนั้นจะดับจะต้องเกิดวูบขึ้นมา เพราะสภาวะแห่งการรวมไฟในจุดสุดท้าย มีพลังอันหนึ่ง ฉันใดก็ฉันนั้น วิญญาณนั้นก็รวมพลัง แต่วิถีการแห่งวิญญาณรวมพลังของเรานั้น ไม่ใช่รวมแบบตายแท้ เรียกว่ารวมแบบตายเทียม คือสภาพการณ์เมื่อรวมกันเสร็จแล้วรู้สึกสบาย เสร็จแล้วก็รู้สึกวูบมืดไปใช่ไหม โดยไม่รู้สึกตัว

สานุศิษย์ : ในขณะรู้สึกป่วยไม่รู้สึกอะไรเลยครับ

สมเด็จ : คือสภาวะอันนั้นเขาก็เรียกว่า วิญญาณนั้นได้ถอดออกจากสังขารไปชั่วขณะ วิญญาณนั้นสวมอยู่ในกาย วิถีการเรื่องนี้มันต้องอธิบายถึงเรื่องการแยกธาตุในสภาวะแห่งกาย แห่งดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุทั้งสี่ สมองกับใจนั้นร่วมประสาท ใจนั้นกับเส้นเอ็นรวมกันอยู่ที่หลังท้ายทอย ไตนั้นขึ้นอยู่กับท้อง

สภาพการณ์การเกิดเป็นมนุษย์นั้น เมื่อรวมพืชพันธุ์แห่งการเป็นมนุษย์เรียบร้อย คลอดออกจากครรภ์มารดาแล้ว วิญญาณนั้นได้เริ่มปฏิสนธิตั้งแต่แรก แต่ยังไม่มีพลังแห่งความแก่กล้า ต่อมาคลอดออกมาดูโลกแห่งการเป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว วิญญาณนั้นสิงสถิตอยู่ในกายในกาย ต่อมาวิญญาณนั้นก็ได้รับการเลี้ยงดู ด้วยพืชพันธุ์ของการเป็นมนุษย์จนเติบโต วิญญาณนั้นรวมพลังแข็งแกร่งขึ้น ตามพลังของร่างกายที่โตวันโตคืน

ในการเติบโตของร่างกายนี้ วันหนึ่งคืนหนึ่งมนุษย์ฝ่ายชายจะโตสูงใหญ่ขึ้นสองเมล็ดข้าว มนุษย์ฝ่ายหญิงจะโตสูงขึ้นมา กว่าสามเมล็ดข้าว หญิงนั้นจะโตเร็วกว่าชายในสภาวะแห่งธรรมชาติของมัน ในสภาพการณ์แห่งเนื้อหนังมังสารวมกับวิญญาณผสมอยู่ในนั้น เมื่อรวมพลังแห่งการเติบโตขึ้นมา สังขารจะต้องมีการป่วย ร่วงโรยตามสภาวะแห่งสังขารขัย

สภาพการณ์แห่งสังขารขันธ์นั้น เมื่อเราใช้พลังออกไป ในการพูดก็ดี ในการมองก็ดี ในการคุยก็ดี ในการทำอะไรก็ดี เมื่อทำเราไม่รู้จักพักผ่อน คือนั่งสมาธิรวมพลังจิตแล้ว ผู้นั้นสังขารจะร่วงโรยเร็ว

เพราอะไรเล่า เพราะจิตวิญญาณไม่ได้รับการพักผ่อนในเวลาตื่น บางคราวถึงกับเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าวิญญาณถูกใช้พลังมากเกินไป เมื่อวิญญาณเสียพลัง สมองก็จะช้าลงไป เรียกว่าน้ำเลือดหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ เมื่อน้ำเลือดหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอถึงสมอง จะทำให้ผู้ป่วยนั้นตัวชาไม่รู้สึกตัว  เพราะสภาพชีวิต สังขารจะยืนอยู่ได้จะต้องมีเลือดแห่งการหล่อเลี้ยงในตัวก่อน

สภาวะแห่งวิญญาณรวมพลังจิตที่จะหลุดออกไปนั้น สภาพการณ์วิญญาณเราออกไปที่เราไม่รู้สึกตัว ฉะนั้น เมื่อวิญญาณออกไป ยังไม่ได้เจออะไร เกิดผวาขึ้นมา ตกใจว่าเรานี้อยู่ที่ไหนหนอ เมื่อยังไม่ถึงวาระแห่งการตายแท้ จึงไม่มียมทูต เทวทูต พรหมทูต มารับ และสังขารนั้นก็ยังไม่เน่าเปื่อย สภาพการณ์เมื่อวิญญาณตกใจว่าอยู่ที่ไหน จะรีบวิ่งกลับเข้าในสังขารของตัวทันที เข้าใจไหม

สานุศิษย์ : พอจะเข้าใจครับ

 

จากหนังสือ โต พรหมรังษี: ชุด ความพิสดารของโลกวิญญาณ  

รวบรวมโดย เกหลง พานิช  1 มีนาคม 2542