ประวัติการสร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย

  • Print

prasri200

มูลเหตุในการสร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย

เมื่อสำนักปู่สวรรค์เริ่มดำเนินงานโปรดสัตว์มาได้ระยะหนึ่ง เทพเจ้าแห่งแหลมสุวรรณภูมิ และเทพารักษ์รายงานว่า แหลมสุวรรณภูมิ จะเกิดกลียุคอย่างหนัก สำนักปู่สวรรค์จึงดำเนินการเพื่อแก้อาถรรพ์ คลายความเดือดร้อนของแหลมสุวรรณภูมิ อาศัยพระบารมีของ พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยที่สถิตอยู่สวรรค์ชั้นที่สี่คือสวรรค์ชั้น ดุสิต ขอให้แผ่รัศมีมาช่วยโลกมนุษย์ด้วย พร้อมทั้งเทพ พรหมที่ อธิษฐานจิตเพื่อขอมาเกิดเป็นพระอรหันต์ในยุคนั้น มาเพื่อพิทักษ์แหลมสุวรรณภูมิให้คลายความเดือดร้อนลง


ในองค์สมมตินั้นบรรจุดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศ คือ ไทย ลาว มาเลเซีย พม่า กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนิเซีย อาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เจ้าสำนักปู่สวรรค์ ได้รับบัญชาให้เดินทางไปเชิญดินศักดิสิทธิ์ ณ ประเทศนั้นๆ เมื่อได้ดินมาแล้ว ทำพิธี ลงพลังจิตเทพพรหมลงในดิน เมื่อวัน อังคาร ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ เป็นวันวิสาขบูชา

การดำเนินการสร้าง
อนุสนธิมติโลกวิญญาณผ่านสำนักปู่สวรรค์ดำเนินการโดยพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ ของสมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์แห่งกรุงศรีอยุธยา(หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด)ได้สร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย เพื่อประโยชน์คือ
๑.แก้อาถรรพณ์ คลายความร้อนแห่งไฟอเวจี
ที่จะลุกโพลงขึ้นในแหลมสุวรรณภูมิ(ภัยจากสงครามการเข่นฆ่า
เนื่องจากลัทธิการเมือง ที่อาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกได้)
๒.ประดิษฐานไว้ที่หน้ามุขบนพระตำหนักสำนักปู่สวรรค์ ให้มนุษย์ทุกรูปทุกนามที่ไปเยือนสำนักปู่สวรรค์ได้สักการะบูชา
๓.ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในระยะกึ่งพุทธกาล ให้ยั่งยืนสืบต่อไปเป็นการสร้างมหากุศลให้บังเกิดความร่มเย็น แก่ประชาชนในแหลมสุวรรณภูมิ
๔.กระชับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นอัน เป็นทางนำไปสู่สันติภาพในดินแดนแถบนี้เป็นเบื้องต้น และสู่สันติภาพของโลกในที่สุด

ลักษณะ
ลักษณะขององค์สมมติจำลองแบบมาจากโลกวิญญาณ หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังษี มีบัญชาให้ช่างปั้นนุ่งขาวห่มขาวอาบน้ำมนต์ ดื่มน้ำมนต์ จุดธูปเทียน แล้วลงมือปั้น ขนาดขององค์สมมติ มีขนาดหน้าตัก
กว้าง ๓ ศอก สูง ๓ ศอกพระเจ้าวรวงศ์พระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ ทรงเป็นประธานเททอง เมื่อ วันเสาร์ ที่ ๑๘ ก.ค. ๒๕๑๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ปีจอ ตรงกับวันอาสาฬหบูชา เวลา ๑๓.๐๐ น.
ในวันนั้นมีสานุศิษย์และประชาชนผู้เลื่อมใสศรัทธา มาร่วมงาน ณ สำนักปู่สวรรค์ ได้พร้อมกันน้อมจิตอธิษฐานในการเททองหล่อองค์สมมติ และได้เปล่งวาจาพร้อมกัน ๓ ครั้งดังนี้
การเททองครั้งที่๑ "ขอให้พระราชวงศ์จักรี ทรงพระเจริญอยู่คู่ฟ้า"
การเททองครั้งที่๒ "ขอให้แหลมสุวรรณภูมิร่มเย็น และมวลมนุษย์ทั่วโลกอยู่เย็นเป็นสุข"
การเททองครั้งที่ ๓ " ขอให้สยามประเทศอยู่รอดปลอดจากภัยพิบัติทั้งปวง"
ต่อมาท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เจ้าแห่งพิธีการของโลกวิญญาณเสด็จมาบรรจุดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศไว้ในพระเศียรขององค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ตรงกับวันขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ เวลา ๒๑.๐๐ น.
ครั้นถึงวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๓ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ สำนักปู่สวรรค์ได้จัดพิธีอัญเชิญองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรขึ้น ประดิษฐานบนมุขพระตำหนักสำนักปู่สวรรค์
โดยรอบเชิงแท่นประดิษฐานองค์สมมติ มีจารึกขอ้ความดังนี้
" เรื่องสร้างองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรนี้ มติโลกวิญญาณผ่านสำนักปู่สวรรค์ดำเนินการโดยดวงพระวิญญาณอันบริสุทธิ์ของ หลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) เพื่อแก้อาถรรพณ์คลายความร้อนแหลมสุวรรณภูมิ ซึ่งในขณะนั้นเป็นกลางกลียุค ในพิธีเททองหล่อองค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ ทรงเป็นประธาน ซึ่งเป้นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ในจักรีวงศ์ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ถือเป็นวันอาสาฬหบูชา พุทธศักราช ๒๕๑๓ เวลา๑๓.๐๐ น.
ต่อมาท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เจ้าแห่งพิธีการของโลกวิญญาณ ตำแหน่งผู้พิชิตมารและเป็นหัวหน้ารูปพรหมเสด็จมาบรรจุดินจากสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศ ไว้ในพระเศียร
เมื่อวันขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๙ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม เวลา๒๑.๐๐ น.(ดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๗ ประเทศในแหลมสุวรรณภูมิ คือ ประเทศไทย ลาว พม่า มาเลเซีย เขมร เวียดนาม อินโดนีเซีย) เมื่อวันขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ ได้จัดพิธีอัญเชิญองค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรยนี้ ขึ้นประดิษฐานบนพระตำหนักที่ท่านเห็นอยู่ในขณะนี้"

เบิกพระเนตรพระโพธิสัตว์พระศรีอริยเมตไตรย์สำนักปู่สวรรค์

ม.จ.จักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ทรงเบิกพระเนตรองค์สมมติ

พิธีเฉลิมฉลอง
สำนักปู่สวรรค์ ได้จัดงานเฉลิมฉลองเจิมและเบิกพระเนตรองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริย เมตไตรย ณ สำนักปู่สวรรค์ ซ.จตุรงค์สงคราม กำหนดงาน ๓ วัน เริ่มวันศุกร์ที่ ๑๙ ถึงอาทิตย์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๑๓ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำถึง ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุน งานนี้ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล เป็นประธานจัดงาน ฯพณฯอภัย จันทวิมล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานจัดงาน ม.จ. จักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ทรงเบิกพระเนตรองค์สมมติ

พระศรีอริยเมตไตรย์ สำนักปู่สวรรค์

องค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรย์มีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่มหัศจรรย์ยิ่ง

เหตุการณ์สำคัญ
งานฉลององค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรครั้งนั้นทำในเดือน ๔ เป็นฤดูแล้ง ตามปกติในกรุงเทพไมมีฝนตกในฤดูนี้ แต่น่าประหลาดคือเมื่อใกล้เวลาเปิดงาน ฝนได้ตกอย่างหนักพร้อมทั้ง้สียงฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อรถเอกอัครราชทูตและผู้แทน
ประเทศมาถึง เจ้าหน้าที่ต้องกางร่มไปรับที่รถ ฝนตกหนักอยุ่ครุ่หนึ่ง พอได้เวลาเปิดงานทั้งฟ้และฝนได้หยุดลงอย่างฉับพลัน ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน
และมีเรื่องมหัศจรรย์ที่จะกล่าวถึงด้วยคือ ภายในพระเศียรองค์สมมติ นั้นบรรจุดินศักดิ์สิทธิ์เป็นดินแห้ง และวิธีเบิกพระเนตร คือใช้สำลีจุ่มน้ำพระพุทธมนต์ และที่พระเนตรองค์สมมติ เมื่องานฉลององค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตร เสร็จลง บรรดาสานุศิษย์และประชาชนต่างก็พากันไปกราบไหว้บูชาในโอกาสนั้น
องค์สมมติพระศรีอริยเมตไตรยน้ำพระเนตรไหลในวันเฉลิมฉลอง

เกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นคือ องค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยมีน้ำพระเนตร (น้ำตา)ไหลซึมทั้งสองพระเนตรไหลผ่านพระปรางไปหยุดที่ฝ่า พระบาทซึ่งหงายอยู่ เป็นอย่างนี้จนวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเสาร์ ที่ ๒๐ มีนาคมท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระเสด็จมาใช้สำลีเช็ด น้ำพระเนตรจึงหยุดไหล
ได้ทราบในโอกาสต่อมาว่า การที่องค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตร หลั่งน้ำพระเนตรดังนั้นเป็นเครื่องหมายแสดงถึงพระเมตตา กรุณา ที่ทรงมีต่อมวลมนุษย์ผู้ต้องต่อสู้กับกรรมวิบากในกาลกลียุคนี้
พระคาถาบูชา
เมตตานะ ศรีอริยะเมตโต พุทธา นะมะ สันติเกโล อะนาคามิ สาธุ สาธุ สาธุ
ท่านสามารถนมัสการสักการะองค์สมมติพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยได้ทุกวันที่สำนักปู่สวรรค์ ซ.เพชรเกษม ๖๕ บางแค ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น.